------------------------------------------ ------------------------------------------------------------ trader: โบรกแนะเลือกซื้อ 14 หุ้นสัญญาณขาขึ้น ดัชนีผันผวน เน้นกลุ่ม Laggard play ลดความเสี่ยง

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โบรกแนะเลือกซื้อ 14 หุ้นสัญญาณขาขึ้น ดัชนีผันผวน เน้นกลุ่ม Laggard play ลดความเสี่ยง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.50 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.67 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ ส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยผันผวน เน้นกลุ่ม Laggard play เพื่อบริหารความเสี่ยง เก็งกำไร 14 หุ้นเด่น ได้แก่ PS, AP, THCOM, TOP, BCP, KCE, ESSO, LHBANK, AJ, THAI, TK, ERW,TVO,KTB

KGI คาดดัชนีแกว่งตัวแดนบวก ซื้อต่อกลุ่มบ้าน เก็งกำไรกลุ่มโรงกลั่น โดยประเมินตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ทรงตัว อาจมีช่วงขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1,315 แต่ยังไม่ผ่านในวันนี้ ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเล็กน้อยหลังจาก Google รายงานกำไรต่ำกว่าคาดการณ์ และเป็นที่น่าสังเกตว่าผลประกอบการในสหรัฐฯ นั้นดีเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงิน แต่กลุ่มภาคเศรษฐกิจจริงกลับไม่ดีนัก ด้านตัวเลขเศรษฐกิจพบว่ายอดขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นสู่ 3.88 แสนตำแหน่ง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยทางสถิติจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงมากเกินจริงเพราะมี 1 รัฐยังไม่ได้รายงานตัวเลข เราจึงไม่กังวลต่อตัวเลขเมื่อคืนนัก นอกจากนี้ข้อมูลอื่นๆ เช่นดัชนีชี้นำ LEI และการสำรวจการผลิตแถบฟิลาเดลเฟียออกมาค่อนข้างดี

ด้านปัจจัยในยุโรปนั้น สเปนประมูลพันธบัตรมูลค่า 4.6 พันล้านยูโรด้วยความต้องการที่แข็งแกร่งและดอกเบี้ยที่ลดลงต่อ ชี้ว่ายังไม่มีความจำเป็นที่สเปนจะขอความช่วยเหลือในระยะสั้น ส่วนกรีซมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหลังจากมีรายงานข่าวว่ากรีซสามารถสรุปเงื่อนไขกับเจ้าหนี้ได้แล้ว ทั้งนี้กลุ่มยุโรปได้เสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดในวันแรกแล้วและจะประชุมต่อในวันนี้ ข่าวล่าสุด ปธน. ฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้มีการคุยกันเรื่องสเปนในการประชุมวันแรกแต่อย่างใด

ด้านปัจจัยในประเทศ คาดว่าการเปลี่ยนกลุ่มเล่นจะยังคงอยู่ มีโอกาสที่หุ้นกลุ่มธนาคารจะเผชิญแรงขายรับข่าวหลังงบไตรมาส 3 ออก ขณะที่กลุ่มสื่อสารที่ขึ้นแรง 2 วันจะชะลอเช่นกัน และกลุ่มพลังงานน่าจะเด่นกว่ากลุ่มหลักอื่นๆ แต่ KGI ยังคงมุมมองว่าหุ้นขนาดกลางจะให้ผลตอบแทนดีกว่าในเดือน ต.ค.

กลยุทธ์: แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มบ้านและกลุ่มสื่อสารเช่น PS*, AP และ THCOM ต่อ ส่วนหุ้น JAS ที่ได้แนะนำไปนั้นราคาหุ้นขึ้นมา 21.6% จากต้นเดือน ต.ค. แนะนำให้ถือไว้เพื่อรอขาย (จะ update อีกครั้ง) ส่วนหุ้นกลุ่มหลักที่น่าจะเก็งกำไรตามตลาดได้คือ TOP* และ BCP* เนื่องจากมีแนวโน้มรายงานกำไรไตรมาส 3 แข็งแกร่ง และในช่วงหลายวันที่ผ่านมามีสำนักวิจัยหลายแห่งปรับเพิ่มประมาณการราคาน้ำมันดิบ น่าจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มพลังงาน

บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ทดสอบ high เดิม แต่ระวังผันผวน กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไร โดยภาพรวมยังดูดี หลังวานนี้ตลาดยังเดินหน้าปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง คาดวันนี้มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบ high เดิม ขณะที่ Flow ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาสะสมหุ้นอีกครั้ง แต่ยังไม่มาก จึงต้องจับตากันต่อไป ด้านเทคนิคมอง SETI ต้องทำ high ใหม่ให้ได้ก่อนจึงจะยืนยันการกลับสู่ขาขึ้นรอบใหม่อย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังควรระวังความผันผวนระหว่างทางที่จะมีมากขึ้นท่ามกลางความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอยู่ด้วย จะทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นสลับเข้ามาในระหว่างทางมากขึ้น มองกรอบวันนี้ระหว่าง 1300-1320

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: เทรดดิ้งในกรอบแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ต่อไปเน้นกลุ่มผลประกอบการดีเป็นหลัก แนวต้าน : 1315,1320 แนวรับ : 1300,1293

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต : TUF, TVO, THAI, RML, TOP

หุ้นที่ปรับออก : HEMRAJ

หุ้นที่แนะนำ :KCE เก็งกำไร FV 12 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 10.70 รับ 9.60 Cut loss 9.45 บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ช่วงถัดจากนี้ยังเน้นถือต่อเนื่อง และเลือกหุ้นซื้อได้เมื่อมีจังหวะแกว่งลง...

กลยุทธ์: เราคาดว่าจะได้เห็น SET ขยับขึ้นไปเคลื่อนไหวบริเวณระดับดัชนีเป้าหมายทางพื้นฐานของปีนี้ที่ 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะถ้าตลาดมีการปรับพักตัว และแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องเพื่อรอดัชนีขยับขึ้นถึงเป้าหมายก่อนค่อยพิจารณาจังหวะขายทำกำไร มากกว่าที่จะขายทำกำไรเร็วในลักษณะเทรดดิ้งช่วงสั้น

หุ้นเด่นทางเทคนิค  ESSO, LHBANK, MAKRO (SBL)

แนวโน้ม ตลาดหุ้นเช้านี้อาจไม่สดใสนักเนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มมีจังหวะแกว่งพักตัวลงบ้าง หลังบริษัทกูเกิล เปิดเผยผลประกอบการอ่อนแอเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนยังไม่มั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจโลกมากนัก ขณะที่ยังไม่มีความคืบหน้าจากทางกรีซและสเปน

ดังนั้นแม้ว่า SET จะขยับบวกได้ดีเมื่อวานนี้แต่ก็อาจจะยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนให้เห็นอยู่ อย่างไรก็ตามจากการที่แบงก์ชาติประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุม กนง.วันก่อน FSS มองว่าจะส่งผลบวกให้กับ บจ.โดยภาพรวม ดังนั้นจากที่เราคาดหมายว่าดัชนีช่วงปลายปีนี้จะสามารถขยับขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายของปีที่ 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้นั้น มีโอกาสค่อนข้างมากที่ SET จะวิ่งขึ้นไปถึงบริเวณดังกล่าวได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ช่วงถัดจากนี้ FSS จึงแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าซื้อต่อได้ทันที โดยเฉพาะถ้ามีจังหวะแกว่งย้อนลง แล้วเน้นถือเพื่อรอตลาดวิ่งขึ้นหาเป้าหมายต่อไป

แนวรับ  1309-1306, 1302-1298 จุด  แนวต้าน  1312-1314 , 1320-1325 จุด

บล.กสิกรไทย แนะนำ บริหารความเสี่ยงด้วยการเลือก Laggard play โดยระบุว่า แนวโน้มตลาด: หุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ ที่ดี โดยดัชนีแนวโน้มธุรกิจปรับดีขึ้น นอกจากนี้ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Leading indicator) ก.ย.ปรับขึ้น 0.6% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขยายตัวมากสุดในรอบ 7 เดือน จากปัจจัยหนุนจากการอนุญาตก่อสร้างที่แข็งแกร่ง ในขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ปรับลงเล็กน้อยหลังหุ้นใหญ่บางตัวรายงานผลประกอบการออกมาผิดหวัง ปัจจัยสำคัญของตลาดต่างประเทศจะอยู่ที่การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป 18-19 ต.ค. ทั้งนี้ความล่าช้าและกังวลปัญหาหนี้ยุโรปอาจทำให้หุ้นโลกแกว่งบ้าง แต่เป็นแค่ระยะสั้น

สำหรับหุ้นไทยเข้าสู่ช่วงการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q55 ซึ่งเราเห็นเป้าหมายการเก็งกำไรของตลาดในหุ้นที่คาดผลประกอบการจะออกมาดี และเน้นไปในกลุ่มที่ laggard อาทิ พลังงาน (TOP PTTGC IRPC) หุ้นฟื้นตัว (THAI TTA AJ)

กลยุทธ์การลงทุน: SET Index อาจมีแกว่งอ่อนตัวตามภูมิภาคบ้าง (1307) แต่ยังให้น้ำหนักกับการขึ้นทดสอบกรอบบนบริเวณ 1320-1330 การปรับฐานของธนาคารทำให้ภาพรวมดัชนีอาจขึ้นไม่มาก แต่ในหุ้นรายตัวที่ดี และกลุ่มที่ laggard ยังอาจขึ้นได้โดดเด่น อาจแบ่งบางส่วนเก็งกำไรหุ้นฟื้นตัวข้างต้น / TVO เก็งสั้นและรอขายเมื่อผลประกอบการออก / หุ้นแนะนำวันนี้ AJ THAI TK ERW

สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: (นับแต่ 14 ก.ย.) น้ำหนักการลงทุนปัจจุบันของเราอยู่ที่ 60% และขอเตรียมเพิ่มขึ้นอีก แต่ในระยะสั้นให้ระมัดระวังความผันผวน ***หากตลาดปรับฐานก.ย.-ต.ค.นี้ เราจะขอเพิ่มน้ำหนัก โดยเน้นหุ้นพลังงาน ปิโตรเคมีเดินเรือ และอิเล็กทรอนิกส์ *** ทยอยสะสม TTA SOLAR ERW AJ KCE

บล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ วันนี้ต้องระวัง 1,315 จุด โดยเราไม่คาดหวังกับ EU Summit ว่าจะประกาศอะไรออกมา Surprise ตลาด ส่วนวานนี้ตัวเลข Jobless Claims ของสหรัฐฯ ออกมาแย่เกินคาด ทำให้เรามองหุ้นไทยยังคงเจอต้านดังกล่าวซึ่งค่อนข้างสำคัญ การอ่อนตัวมองที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1,300 จุด เราแนะนำให้ทยอยขายทำกำไร TTA ราคาเป้าหมาย 20 บาท ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงให้ตาม BDI ที่แนวโน้มแตะ 1,150 จุดได้ และแนะนำซื้อ KTB เด่นสุดในกลุ่มธนาคารตอนนี้ (งบฯ ดีเกินคาด กรอบช่วงสั้น 18-19 บาท แนวโน้มทะลุกรอบบนได้สูง)

SET - แนวโน้ม 1,315 จุดมีโอกาสทดสอบได้ระหว่างวัน แต่ยังไม่คิดว่าจะผ่านไปได้ในวันนี้ หรือแม้กระทั่งสัปดาห์หน้า แนะขายทำกำไร TTA ที่ 20 บาท ส่วน KTB งบฯ ออกมาเยี่ยมมาก ซื้อเพิ่มในกรอบ 18-19 บาท

ที่มา: http://www.kaohoon.com