------------------------------------------ ------------------------------------------------------------ trader: 2012

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หุ้นขั้นเทพ

 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร


การวิเคราะห์หุ้น มีปัจจัยที่ต้องพิจารณามากมาย ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนบางคน ที่อาจจะมีความรู้เชิงธุรกิจไม่มาก

เพราะอาจไม่ได้เรียนมาทางสายธุรกิจ หรือเพิ่งเข้าสู่ตลาดหุ้นเป็นนักลงทุนมือใหม่ และคงเป็นเหตุผลว่า ทำไมข้อสรุปของหุ้นแต่ละตัว จึงไม่เหมือนกันระหว่างนักลงทุนแต่ละคน

หุ้นตัวหนึ่งนักลงทุนคนหนึ่ง อาจดูว่าดีมากเป็นซูเปอร์สต็อก ในขณะที่อีกคนหนึ่งมองเป็นหุ้นธรรมดาๆ หรือหุ้นตัวหนึ่งนักเล่นหุ้นคนหนึ่งบอกว่า เป็น Growth Stock หรือหุ้นโตเร็ว ขณะที่อีกคนหนึ่งบอกว่า เป็นหุ้นวัฏจักรที่เพียงแต่อยู่ในช่วงขาขึ้น และพร้อมจะลงในอนาคต

วิธีที่จะดูว่าหุ้น หรือบริษัทที่เราสนใจ น่าจะดีหรือไม่อย่างง่ายๆ คือ หาปัจจัยที่สำคัญมากๆ มาเป็นเครื่องชี้ที่จะบอกว่าเป็นหุ้นดีหรือหุ้นแย่ ตัวอย่างเช่น ถ้าการตลาด หรือยี่ห้อของสินค้าของบริษัทนั้น แข็งแกร่งสุดยอดเหนือกว่าคู่แข่งมาก โอกาสสูงว่าหุ้นของบริษัทน่าจะดี โดยอาจจะไม่ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นมากหรือละเอียดนัก เป็นต้น

เครื่องชี้วัดที่สำคัญและวิเคราะห์ได้ง่ายตัวหนึ่ง ที่ผมคิดว่าน่าสนใจ และนำมาใช้ได้ในหุ้นเกือบทุกตัว คือ ตัวเลขของผลประกอบการ หรือกำไรในอดีต เพราะนี่คือผลงานที่บริษัททำได้มาแล้ว เป็น "ของจริง" ที่เกิดขึ้น และบอกไปถึงอนาคตได้ โดยเฉพาะกำไรที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดจากผลการทำงานของบริษัทจริงๆ ไม่ได้เกิดจากภาวะแวดล้อม ที่ทำให้บริษัทกำไรดี พูดง่ายๆ บริษัทไม่ได้กำไรดี เพราะ "โชคดี" แต่บริษัทกำไรดี เพราะบริษัทมีฝีมือดี มีความสามารถเหนือคู่แข่ง

วิธีที่จะตัดประเด็นของ "โชค" ออกจากตัวเลขผลประกอบการ คือ การดูกำไรย้อนหลังไปหลายๆ ปี ถ้าเป็นเรื่องโชคแล้ว คงไม่เกิดติดต่อกันหลายๆ ปี น่าจะเกิดขึ้นไม่เกิน 2-3 ปี หลังจากนั้น จะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งกำไรหลังจากนั้น จะแย่ลง และสรุปได้ว่า บริษัทคงไม่เก่งอะไรนัก ตรงกันข้าม ถ้าเรามองผลประกอบการย้อนหลังไปยาวๆ พบว่าบริษัทมีผลงาน หรือผลประกอบการที่น่าประทับใจมาตลอด

ดังนั้น สรุปได้ว่า บริษัทนี้มีความสามารถในการแข่งขันสูง และแน่นอนในอนาคตต่อไป น่าจะทำกำไรได้ต่อเนื่องยาวนาน เพราะบริษัทก็เหมือนคน ถ้าเก่งและมีความสามารถ อย่างไรก็ทำเงินได้ต่อไปในอนาคต

ข้อมูลผลกำไรย้อนหลัง ที่ผมคิดว่าน่าจะเพียงพอ ที่จะพิสูจน์ได้ว่า บริษัทดีจริงหรือไม่ น่าจะไม่น้อยกว่า 7-10 ปีขึ้นไป เพราะนอกจากจะตัดประเด็นเรื่องโชคของบริษัทแล้ว ยังตัดประเด็นเรื่องวัฏจักรของธุรกิจที่มีเวลาขึ้นลงไม่เกิน 3-5 ปีด้วย

ถ้าจะหาปัจจัยสำคัญบางตัว ที่จะบอกว่าบริษัท หรือหุ้นดีหรือไม่ ผมคิดว่า ข้อมูลผลกำไรย้อนหลัง 7-10 ปี เป็นตัวสำคัญมากตัวหนึ่ง และข้อเสนอของผม คือ ถ้าบริษัทไหน มีกำไรสม่ำเสมอ และ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราตั้งแต่ 10% ต่อปีขึ้นไปมาตลอด โดยที่บริษัท ไม่ต้องเรียกเงินจากผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเลย ถือว่าบริษัทนั้น หรือ หุ้นตัวนั้น เป็นหุ้นที่ดีเยี่ยม โดยไม่ต้องไปดูปัจจัยอื่นมากมาย ถ้าจะใช้คำหรูๆ แบบที่วัยรุ่นใช้กับดาราชายที่หน้าตาดีมาก ว่า "หล่อขั้นเทพ" ผมก็อยากจะเรียกหุ้นที่มีผลประกอบการดังกล่าวว่าเป็น "หุ้นขั้นเทพ"

นอกจากตัวเลขผลกำไรแล้ว ปันผลก็เป็นตัวเลขหนึ่งที่สำคัญ ถ้าบริษัทจ่ายปันผลออกมาน้อย กำไรในอนาคตต้องมากขึ้นอยู่แล้ว ถ้าบริษัทจ่ายปันผลในแต่ละปีในอัตราสูงเช่นเกิน 50% ของกำไรแต่ละปีด้วย นี่เป็นตัวเสริมให้เป็นหุ้นเทพมากขึ้น ถ้าจ่ายปันผลต่ำ ความเป็นหุ้นขั้นเทพก็ลดลง

ความเป็นเทพมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการเติบโตของกำไรเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา ถ้ากำไรโตปีละถึง 15% ขึ้นไป อาจเรียกว่าเป็นหุ้นเทพมาก แต่ถ้ากำไรโตต่ำกว่า 10% แบบนี้ อาจเรียกว่า เทพธรรมดา หรือไม่เทพเลย ถ้ากำไรโตน้อยมากเพียงแค่ 4-5% เป็นต้น

เช่นเดียวกัน ความสม่ำเสมอของกำไรในแต่ละปี ก็เป็นตัวบอกความเป็นเทพมากหรือน้อยได้ บริษัทที่มีกำไรแทบจะเพิ่มขึ้นทางเดียวปีต่อปี ไตรมาสต่อไตรมาส แบบนี้ก็เทพมาก แต่บริษัทที่มีกำไรสลับขึ้นลง และโดยเฉพาะที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงท้ายๆ แบบนี้ความเป็นเทพก็ด้อยลง

หุ้นเทพ โดยปกติราคาจะวิ่งขึ้นเสมอและต่อเนื่องยาวนาน ตราบที่แนวโน้ม กำไรยังโตขึ้นใกล้เคียงกับอดีต การถือหุ้นเทพ บางครั้งถือยาวเป็น 5 ปี 10 ปีได้ โดยไม่ต้องทำอะไร ในช่วงสั้นๆ แน่นอน หุ้นเทพอาจมีราคาสูง หรือต่ำจนดูเหมือนกับว่า Overvalue หรือ Undervalue แต่ไม่ควรมีปฏิกิริยาอะไรนัก ยกเว้นจะเกินไปมาก เหตุผล คือ ในที่สุดจะ "กลับมา" คือหุ้นก็ จะขึ้นต่อไปตามผลประกอบการ

ผมเองเคยพบนักลงทุนหลายคนที่พยายาม "เล่นสั้นๆ" ในหุ้นเทพ นั่นคือ เขาจะขายเมื่อหุ้นขึ้นไปแรง เสร็จก็กลับเข้าไปเก็บ เมื่อหุ้นเทพปรับตัวลงมา ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมไม่แน่ใจว่าสุดท้ายคุ้มค่าไหม เพราะบางครั้งต้องกลับไปซื้อในราคาแพงขึ้น เพราะหุ้นไม่ตกกลับลงมาตามที่คาด บางคนที่ "ขายหมู" ไปแล้วก็ไม่กลับมาซื้ออีก และทำให้พลาด "กำไร" มหาศาลที่ตามมาอีกหลายๆ ปี

ข้อจำกัดของการลงทุนในหุ้นเทพ มีพอสมควร เหตุผลหนึ่งคือหุ้นเทพ มักจะไม่ถูก นั่นทำให้ VI จำนวนมากหลีกเลี่ยงที่จะลงทุน พวกเขามักจะดูว่ากำไรที่โตขึ้นต่อปีของหุ้นขั้นเทพ "ไม่ใคร่สูง" เช่น "แค่ 15%" แต่ค่า PE ของหุ้นอาจจะสูงถึง 20 เท่า หรือมากกว่า ดังนั้น ค่า PEG หรือค่า PE เมื่อเทียบกับการเติบโตนั้นสูงกว่า 1 เท่า

ตาม "ตำรา" ต้องบอกว่า ไม่คุ้มที่จะลงทุน ประเด็นนี้ผมคิดว่าค่า PEG อาจจะใช้ไม่ได้กับเรื่องของหุ้นเทพ และส่วนใหญ่ที่ใช้กันก็มักจะมอง Growth หรือการเติบโตของกำไรไปแค่ 3-4 ปี ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของหุ้นเทพ

ข้อจำกัดต่อมาของหุ้นเทพ คือ บางบริษัทเพิ่งเข้าจดทะเบียนไม่นาน จึงมีข้อมูลไม่พอ แต่ถ้าบริษัทนั้นกลายเป็นหุ้นเทพจริงๆ ในเวลาต่อมา การลงทุนในหุ้นขั้นเทพตั้งแต่ตอนต้น อาจทำกำไรได้มหาศาล เพราะราคาหุ้นในขณะนั้นอาจจะไม่สูง และนี่นำมาสู่ข้อที่ต้องระวัง ที่สำคัญการลงทุนในหุ้นเทพ คือ ต้องพิจารณาดูว่า หุ้นเทพที่เราดูอยู่กำลังอยู่ในหุ้นเทพ "ขั้นสุดท้าย" หรือเปล่า นั่นคือ การเติบโตของกำไรของหุ้นเทพ ใกล้สิ้นสุดหรือยัง

ขณะที่ราคาหุ้นเทพขึ้นไปสูงมาก ถ้าเราเข้าไปลงทุนช่วงที่บริษัทเริ่มอิ่มตัว ไม่สามารถโตต่อไปได้แล้วด้วยเหตุผลต่างๆ ในที่สุด ราคาหุ้นก็อาจปรับตัวลงไปเรื่อยๆ โดยไม่กลับขึ้นมาอีก หุ้นเทพส่วนมาก มักจะมีอายุค่อนข้างยาว บางบริษัทอย่างหุ้นวอลมาร์ทในอเมริกานั้นเติบโตยาวนานหลายสิบปี

การสรุปว่าหุ้นขั้นเทพตัวที่มองอยู่ "หมดยุค" แล้ว ต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยทั่วไป หุ้นขั้นเทพที่ไม่ใช่หุ้นไฮเทค ถ้าจะตกต่ำลง ก็จะใช้เวลาเป็นปีๆ หรือหลายๆ ปี ความจำเป็นต้องรีบขายจึงไม่มี




INFO:  ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR, http://www.bangkokbiznews.com

ANAN หุ้นไอพีโอตัวแรก ใช้สิทธิมีมาร์เก็ตแคปไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท สามารถเข้าตลาดหุ้นได้

ANAN ที่เป็นหุ้นไอพีโอตัวแรกที่ใช้สิทธิของการมีมาร์เก็ตแคปไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท สามารถเข้าตลาดหุ้นได้ ทั้งๆ ที่มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบอยู่ 444.98 ล้านบาท ผลการดำเนินงานยังมีขาดทุนสะสมอยู่ 676.88 ล้านบาท และผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 314.17 ล้านบาท หรือคิดเป็น-0.16บาทต่อหุ้น เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 205.33 ล้านบาท หรือ-0.11บาทต่อหุ้น
ฐานะของบริษัทที่ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบนั้น พูดกันอย่างง่ายๆไม่ต้องใช้สำนวนลีลาก็คือ บริษัทตกอยู่ในสภาพล้มละลายแล้วนั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสำหรับบริษัทจดทะเบียนอยู่เดิม ต้องเข้าข่ายเป็นหุ้นในหมวดฟื้นฟูกิจการหรือ รีแฮบโก้ นั่นเอง



INFO: ข่าวหุ้น (Th) Thursday, December 13, 2012

วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ศึกษาผลกระทบ AEC ต่อผู้ประกอบการ SMEs กับ 6 อุตสาหกรรม



       การรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2558 มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ โดยการเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตระหว่างประเทศสมาชิก ด้วยเป้าหมายสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตร่วม และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับโอกาสและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
      
       สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงได้ร่วมกับ สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจการพาณิชย์ และสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา ดำเนินโครงการศึกษาผลกระทบของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อผู้ประกอบการ SMEs ในสาขาที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย (High Impact Sectors)
      
       ทั้งนี้เพื่อศึกษานโยบายและมาตรการตามข้อตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีต่อผู้ประกอบการ SMEs ในสาขาที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจมหภาค และต่อผู้ประกอบการ รวมทั้งแรงงานใน SMEs โดยมุ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบจากการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
      
       การศึกษาครั้งนี้ได้คัดเลือก 6 กลุ่มอุตสาหกรรมนำร่อง ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง กลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์พลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม และกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งผลที่ได้จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการระบุผลกระทบและกำหนดหุ้นส่วนทางกลยุทธ์ (Strategic Partners) เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถปรับตัวเพื่อรองรับผลกระทบด้านบวกและด้านลบที่จะเกิดขึ้น โดยผลการศึกษาสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
      

       ***กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล***

      
       เป็นอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ของประเทศ จากตัวเลขการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียน ค่าเฉลี่ย 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2544-2553) พบว่ามีมูลค่าการค้า 267,040.49 ล้านบาท การส่งออก 165,641.09 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 64,241.68 ล้านบาท ซึ่งการเข้าสู่ AEC จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องจักรกล ทั้งอุตสาหกรรมต้นน้ำ คือเหล็ก อุตสาหกรรมกลางน้ำ คือชิ้นส่วนเครื่องจักร และอุตสาหกรรมปลายน้ำ คือเครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องมือกล ดังนี้
      
       ผลกระทบในด้านบวก ประเทศไทยได้เปรียบด้านแรงงานในอุตสาหกรรมเครื่องมือกล โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากการลอกเลียนของเดิม (Reverse Engineering) สามารถส่งออกเครื่องจักรกลการเกษตร เช่น รถแทรกเตอร์ ไปยังกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV) ได้มากขึ้น และสามารถใช้ประเทศกลุ่ม CLMV เป็นฐานการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น ขณะที่ความต้องการเครื่องจักรกลในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น เกษตรและเกษตรแปรรูป และอาหาร โดยเฉพาะเครื่องจักรประเภทเครื่องปิดฉลาก เครื่องปิดผนึก ฯลฯ
      
       ผลกระทบด้านลบ ผู้ประกอบการในกลุ่มอาเซียนสามารถเข้าถึงวัตถุดิบที่มีราคาถูกลงเนื่องจากการยกเลิกภาษีนำเข้า ขณะที่ผู้ประกอบการไทยยังต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูง เพราะการเข้าสู่ AEC ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กของไทย เนื่องจากรัฐบาลยังมีนโยบายคุ้มครองอุตสาหกรรมต้นน้ำ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าจากสิงคโปร์และมาเลเซียซึ่งมีศักยภาพสูงในการผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรม จะมีราคาต่ำลงและบุกตลาดไทยมากขึ้น นอกจากนี้อาจมีการย้ายฐานการผลิตเครื่องจักรในไทย
      
       ข้อเสนอแนะ รัฐบาลควรพิจารณาและทบทวนการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด และควรส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำคุณภาพ เพื่อทดแทนการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ และเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการผลิตที่สูงขึ้น
      

       ***กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร***

      
       เป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญและมีศักยภาพทั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่การผลิตอุตสาหกรรมอาหารมีมาตรฐานและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในอาเซียนและในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งจากตัวเลขการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียน ค่าเฉลี่ย 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2544-2553) พบว่ามีมูลค่าการค้า 120,838.04 ล้านบาท มูลค่าการส่งออก 92,638.47 ล้านบาท และได้ดุลการค้า 64,438.90 ล้านบาท นับว่าได้เปรียบดุลการค้าเป็นอันดับที่ 2 ในตลาดอาเซียน และเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดโลก แต่แม้ว่าประเทศไทยจะมีความสามารถในด้านการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร และมีอุตสาหกรรมสนับสนุนครบทุกส่วนตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ (ภาคการเกษตร ประมง) อุตสาหกรรมกลางน้ำ และอุตสาหกรรมปลายน้ำ ซึ่งการเข้าสู่ AEC จะส่งผลดังนี้
      
       ผลกระทบด้านบวก จะเป็นการเร่งให้เกิดโอกาสขนาดใหญ่ต่ออุตสาหกรรมอาหารของไทย เห็นได้จากการเปิดเสรีสินค้าประเภทอาหารที่มีการลดภาษีเป็นศูนย์นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ส่งผลให้สินค้าอาหารของไทยมีดัชนีการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยผู้ประกอบการสามารถแสวงหาวัตถุดิบจากแหล่งใหม่ๆ รวมถึงสามารถขยายฐานการลงทุนและฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบ แรงงานและการขนส่งได้
      
       ผลกระทบด้านลบ ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ประสบภาวะขาดแคลนแรงงานเนื่องจากโอกาสทางการค้าและการลงทุนของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้แรงงานกลับไปทำงานในประเทศของตน และผลจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรี อาจทำให้ผู้ประกอบการถูกครอบงำจากนักลงทุนต่างชาติกลายเป็นผู้รับจ้างผลิตมากกว่าเป็นเจ้าของกิจการ
      
       ข้อเสนอแนะ ประเทศไทยควรกำหนดตำแหน่งทางการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีการเพิ่มมูลค่าหลายขั้นตอนเพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณค่าและราคาสูงขึ้น ในส่วนของผู้ประกอบการ ควรพัฒนาความหลากหลายของผลผลิต โดยมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้นและมีความแตกต่าง มีการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ใช้การผลิตทดแทนแรงงานคน และควรสร้างตราสินค้าในผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรรวมตัวกันในรูปแบบสถาบันและสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และสร้างอำนาจต่อรองทั้งด้านการค้าและการกำหนดราคา รวมถึงพัฒนากลุ่มให้เกิดความเข้มแข็ง
      

       ***กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง***

      
       เป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพและความได้เปรียบในการแข่งขันในเวทีโลก เพราะไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมยาง และมีศักยภาพในการผลิตยางแปรรูปอย่างครบวงจร ซึ่งจากตัวเลขการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียน ค่าเฉลี่ย 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2544-2553) พบว่า มีมูลค่าการค้า 53,656.26 ล้านบาท การส่งออก 48,680.68 ล้านบาท และได้ดุลการค้า 43,705.07 ล้านบาท ที่สำคัญเป็นอุตสาหกรรมมีค่าเฉลี่ยดัชนีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบสินค้าส่งออก (RCA) สูงถึง 5.47 แสดงถึงโอกาสจากการเปิดข้อตกลงเขตการค้าเสรี เพราะไทยมีความครบวงจรในรูปแบบของความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบและศักยภาพของผู้ประกอบการ รวมทั้งมีบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลกหลายรายเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ ซึ่งการเข้าสู่ AEC จะส่งผลดังนี้
      
       ผลกระทบด้านบวก หาก AEC มีการขยายกรอบความร่วมมือครอบคลุมแรงงานกรีดยาง จะช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานกรีดยางและส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานกรีดยาง ขณะที่ผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปขั้นต้นสามารถส่งออกไปยังตลาดอาเซียนได้ในปริมาณที่มากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางจากประเทศไทยมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นในการขยายตลาดไปในประเทศอาเซียน ผลจากสิทธิพิเศษทางภาษี
      
       ผลกระทบด้านลบ ผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปขั้นต้นจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาคุณภาพให้สอดคล้องกับมาตรฐานร่วมกันในการยอมรับ (MRA) ของอาเซียน ขณะที่ผู้ประกอบการบางกลุ่มอาจเผชิญการแข่งขันที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มถุงมือยาง นอกจากนี้ผู้ประกอบการไทยอาจเสียเปรียบผู้ประกอบการจากประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ที่มีทักษะความรู้ด้านการใช้สิทธิพิเศษทางภาษี เช่น กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (ROO) รวมถึงการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ Form D
      
       ข้อเสนอแนะ ควรมีการบริหารจัดการปริมาณน้ำยางสดร่วมกับประเทศผู้ผลิตที่สำคัญ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาวัตถุดิบและปริมาณ พัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมและศักยภาพในการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs
      

       ***กลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์พลาสติก***

      
       เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นวัตถุดิบ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ซึ่งจากตัวเลขการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียน ค่าเฉลี่ย 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2544-2553) พบว่ามีมูลค่าการค้า 77,645.41 ล้านบาท มูลค่าการส่งออก 46,549.80 ล้านบาท และได้ดุลการค้า 15,454.19 ล้านบาท ซึ่งการเข้าสู่ AEC จะส่งผลดังนี้
      
       ผลกระทบด้านบวก ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบราคาถูก บริการด้านการวิจัยและพัฒนาแรงงานที่มีต้นทุนต่ำ รวมถึงเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV เพื่อใช้เป็นฐานขยายการผลิต และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น ฯลฯ
      
       ผลกระทบด้านลบ ไทยจะขาดแคลนแรงงานฝีมือและบุคลากร เช่น วิศวกรเคมี และผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา เนื่องจากย้ายไปทำงานในประเทศที่มีค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สูงกว่า เสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้สินค้าราคาถูกและสินค้าด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ สินค้าในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องจากประเทศอื่นๆ จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด
      
       ข้อเสนอแนะ รัฐบาลควรสนับสนุนการหาแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาถูกจากแหล่งใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียน แก้ไขปัญหาในการนำเข้าวัตถุดิบที่มีราคาสูง และสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนและประเทศอื่นๆ นอกอาเซียน
      

       ***กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม***

      
       เป็นอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาการผลิตเพื่อส่งออกมากกว่า 50 ปี และผู้ประกอบการมีการรวมกลุ่ม ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เป็นสมาคมอย่างเข้มแข็ง และเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทต่อการจ้างงานของประเทศ ซึ่งจากตัวเลขการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียน ค่าเฉลี่ย 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2544-2553) พบว่ามีมูลค่าการค้า 37,166.58 ล้านบาท มูลค่าการส่งออก 28,766.15 ล้านบาท และได้ดุลการค้า 20,365.72 ล้านบาท ซึ่งการเข้าสู่ AEC จะส่งผลดังนี้
      
       ผลกระทบด้านบวก ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนการผลิตลดลง ผลจากการนำเข้าเส้นใยจากอินโดนีเซียซึ่งมีราคาถูก สามารถส่งออกผ้าผืน รวมทั้งสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไปประเทศในกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น สามารถย้ายฐานการผลิตไปในกลุ่มประเทศที่มีแรงงานมากและค่าแรงต่ำได้ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น และได้รับประโยชน์จากอุปสงค์ต่อเนื่องจากการเปิดเสรีทางด้านบริการ
      
       ผลกระทบด้านลบ เกิดจากความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่จะส่งผลต่อการปรับตัวด้านต้นทุนการผลิต
      
       ข้อเสนอแนะ รัฐบาลควรหาช่องทางหรือเครือข่ายการติดต่อธุรกิจด้านเส้นใยและเส้นด้ายในประเทศอินโดนีเซีย ควรให้การสนับสนุนโครงการ ASEAN Competitiveness Enhancement (ACE) และ Source ASEAN Full Service Alliance (SAFSA) รวมทั้งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าสิ่งทอ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มขยายการลงทุนไปในประเทศ ลาว เวียดนาม และกัมพูชา
      

       ***กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ***

      
       เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศในลำดับต้นๆ เนื่องจากคุณภาพของสินค้าได้รับการยอมรับในระดับโลก ขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็น SMEs ซึ่งจากตัวเลขการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียน ค่าเฉลี่ย 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2544-2553) พบว่ามีมูลค่าการค้า 9,705.5 ล้านบาท มูลค่าการส่งออกเพียง 2,874.80 ล้านบาท และเสียเปรียบดุลการค้ามาโดยตลอดอยู่ที่ -3,955.90 ล้านบาท แต่นับเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ซึ่งการเข้าสู่ AEC จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมทั้งต้นน้ำ (การวิจัย พัฒนา และออกแบบ การทำเหมืองอัญมณี) อุตสาหกรรมกลางน้ำ (การปรับปรุงคุณภาพและเจียระไนอัญมณี) และอุตสาหกรรมปลายน้ำ (การผลิตเครื่องประดับ) ดังนี้
      
       ผลกระทบด้านบวก ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบราคาถูก บริการด้านการวิจัยและพัฒนา แรงงานที่มีต้นทุนต่ำ รวมถึงบริการด้านการตลาดและเงินทุน นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปลงทุนในอาเซียนโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ได้มากขึ้น และใช้เป็นทางผ่านในการนำเข้าวัตถุดิบจากนอกประเทศอาเซียน รวมทั้งเป็นช่องทางในการส่งออกไปในกลุ่มอาเซียนและนอกกลุ่มมากขึ้น ฯลฯ
      
       ผลกระทบด้านลบ ไทยจะขาดแคลนแรงงานฝีมือและบุคลากร เช่น นักออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับ ช่างเจียระไนอัญมณี ช่างเผา/หุงพลอย ฯลฯ เนื่องจากย้ายไปทำงานในประเทศที่ให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่า และอาจเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับสินค้าราคาถูกจากประเทศในกลุ่ม CLMV นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องจากประเทศต่างๆ จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด
      
       ข้อเสนอแนะ รัฐบาลควรสนับสนุนให้มีการหาแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาถูกจากแหล่งใหม่ในกลุ่มประเทศอาเซียน และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบและการทำเหมืองอัญมณี รวมถึงการวิจัย พัฒนา การปรับปรุงคุณภาพ การเคลื่อนย้ายแรงงานที่จำเป็น รวมถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและองค์ความรู้ต่างๆ



INFO: http://www.thaisarn.com/th/news_reader.php?newsid=787172&utm_source=S3TTR4D3NEWS&utm_medium=twitter

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

AMATA อนุมัติแผนการเสนอขายหุ้นใหม่ของบริษัท วีเอ็น อมตะ จำกัด

AMATA อนุมัติแผนการเสนอขายหุ้นใหม่ของบริษัท วีเอ็น อมตะ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย แก่ประชาชนทั่วไป และการดำเนินการ

- เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท
- เพิ่มทุน 151.37 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวม 75.685 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ AMATA ลดลงจากร้อยละ 90 เหลือร้อยละ 75
- จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนทั่วไปไม่เกิน 140 ล้านหุ้น โดยอยู่ระหว่างพิจารณาจัดสรรหุ้น Pre-emptive right
- ให้กรรมการและพนักงานของวีเอ็น อมตะ และบริษัทย่อยไม่เกิน 9.4 ล้านหุ้น ในราคาขายหุ้นละ 0.50 บาท
- ให้กรรมการและพนักงานของ AMATA ไม่เกิน 2.3 ล้านหุ้น ในราคาขายหุ้นละ 0.50 บาท
- คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับการทำ IPO ได้ในเดือนมกราคม 2556

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บอร์ด WIN ไฟเขียว จำหน่ายหุ้น บ. วินโคสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด



บริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN แจ้งว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ได้อนุมัติให้บริษัทฯ จำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท วินโคสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด

ให้แก่ นางจริยา เวียงเจ็ด จำนวนทั้งหมด 5,999,993 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นสัดส่วน 99.9% ของทุนจดทะเบียน และจำนวนหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมด ซึ่งบริษัท วินโคสท์ ทรานสปอร์ตจำกัด มีมูลค่าตามบัญชี ณ วันสิ้นงวดวันที่ 30 กันยายน 2555 เท่ากับ (52.68) ล้านบาท โดยบริษัทฯจะขายหุ้นสามัญจำนวนดังกล่าว ในราคา 0.0083 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท

บริษัทฯ ได้รับคำเสนอซื้อหุ้นสามัญจากผู้ซื้อ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2555 และได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ซื้อเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555โดยบริษัทคาดว่าจะทำรายการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555

บริษัท วินโคสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด ให้บริการ และสนับสนุนกิจการของบริษัทฯ โดยปัจจุบันได้หยุดดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัท วินโคสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น
60,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 6,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาทซึ่งมูลค่าตามบัญชี ณ วันสิ้นงวดวันที่ 30 กันยายน 2555 เท่ากับ (52.68) ล้านบาท โดยจะขายหุ้นสามัญจำนวน5,999,993 หุ้น ให้แก่ นางจริยา เวียงเจ็ด ในราคา 0.0083 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเป็นสัดส่วน 99.9%ของทุนจดทะเบียน ซึ่งนางจริยา เวียงเจ็ด จะรับโอนภาระผูกพันที่เกิดก่อนการซื้อขายหุ้นทั้งหมดแต่ไม่รวมถึงหนี้สินที่บริษัทฯ เป็นเจ้าหนี้ต่อบริษัท วินโคสท์ ทรานสปอร์ต จำกัดและภาระหนี้ค้ำประกันการเช่าซื้อหางลากคิดเป็นจำนวน 24,784,938.18 บาท

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัทฯ  บริษัทฯ เชื่อว่าการขายกิจการ บริษัท วินโคสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น หลายประการได้แก่ บริษัทฯ ไม่ต้องให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทย่อย, การปลดภาระในคดีความของบริษัท วินโคสท์ ทรานสปอร์ต จำกัด, ไม่ต้องรับรู้ผลประกอบการขาดทุนสุทธิของบริษัทในเครือ และเป็นการเพิ่มสถานะของส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัท

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ซีอีโอ “กิมเอ็ง” ชี้ “ตลาดหุ้นไทย” ยังห่างไกลฟองสบู่ ระบุหนี้สินต่อทุน บจ.ต่ำ





“ซีอีโอ” บล.กิมเอ็งฟันธง “ตลาดหุ้นไทย” ยังห่างไกลฟองสบู่ ระบุหนี้สินต่อทุน บจ.ต่ำ เทียบกับวิกฤตปี 40 คาดปี 56-57 ภาวะหมีมีโอกาสได้เห็นนิวไฮ
      
       นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2556 ว่า เชื่อว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยมองดัชนีเป้าหมายไว้ที่ระดับ 1,400-1,450 จุด และมีแนวโน้มว่าในปีถัดไป ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ ซึ่งการเติบโตของดัชนีหุ้นไทยในขณะนี้ยังถือว่าห่างไกลภาวะฟองสบู่อยู่ค่อนข้างมาก
      
       “มีความเป็นไปได้ที่ดัชนีหุ้นไทยระยะต่อไปมีโอกาสสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ 1,770 จุด ซึ่งเคยทำเอาไว้ในปี 2537 ถ้าดัชนีปรับขึ้นไปเกินกว่าจุดนั้น ก็อยากให้นักลงทุนเอาบทเรียนที่เกิดในช่วงปีนั้นมาเป็นบทเรียน แต่อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 1,350 จุด เป็น 1,700 จุด คิดเป็นการเพิ่มขึ้นเพียง 30% ดูแล้วไม่น่าจะยากเกินไป” นายมนตรีกล่าว
      
       ส่วนสาเหตุที่มองว่าตลาดหุ้นไทยยังห่างไกลฟองสบู่ เพราะถ้าดูสินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น (มาร์จิ้นโลน) ช่วงปี 2540 ตอนนั้นมีสัดส่วนรวมกันถึง 1.2-1.8 แสนล้านบาท เทียบมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เกตแคป) ของตลาดหุ้นในขณะนั้นซึ่งอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ต่างจากปัจจุบัน ที่มาร์จิ้นโลนทั้งระบบมียอดรวมเพียง 4 หมื่นล้านบาท เทียบกับมาร์เกตแคปที่ 11 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
      
       นอกจากนี้ ถ้าดูอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) ของบริษัทจดทะเบียนทั้งระบบในช่วงก่อนปี 2540 ตอนนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 เท่า และหลังลอยตัวค่าเงินบาท ดี/อี ของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้เพิ่มมาอยู่ที่ 5.1 เท่า เทียบกับปัจจุบันแล้ว บริษัทจดทะเบียนทั้งระบบยังมีค่า ดี/อี เพียงแค่ 1.1 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการไทยยังจำบทเรียนในช่วงปี 2540 ได้อย่างดี จึงไม่มีการกู้เพื่อมาลงทุนที่มากเกินไป ดังนั้น ตราบใดที่อัตราการกู้ยืมไม่ได้มากก็ไม่น่ากระทบต่อเสถียรภาพ และความยั่งยืน



INFO: http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9550000151898

เล่นหุ้นหลังปีทอง : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวราก



ปี 2546 เป็น “ปีทอง” ของตลาดหุ้น เช่นเดียวกัน มันเป็น “ปีทอง” ของการลงทุนของผมด้วย เพราะผมได้ผลตอบแทนเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในปีเดียว ปี 2552 เป็นปีที่ประวัติศาสตร์ “ซ้ำรอย” คือมันเป็นปีทองของตลาดหุ้นและเป็นปีทองของผมอีกครั้งหนึ่ง แน่นอน ผมดีใจ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2547 ซึ่งเป็นปี “หลังปีทอง” ผมก็รู้สึกกังวลกับการลงทุนในปี 2553 ซึ่งเป็นปีหลังปีทองเหมือนกัน เพราะในปี 2547 นั้น ดัชนีตลาดหุ้นตกลงไปถึงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่แย่กว่าก็คือ พอร์ตการลงทุนของผมนั้นลดลงถึงเกือบ 30% ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง ปี 2553 นี้ก็อาจจะไม่ใช่ปีที่ดีของผม และโดยความเชื่อส่วนตัวผมก็ไม่มองโลกในแง่ดีสำหรับการลงทุนในปีนี้ เพราะผมคิดว่าตลาดหุ้นในปี 2553 นั้นอาจจะไม่สดใสเหมือนปี 2552 เหตุผลนั้นมีหลายเรื่อง

เรื่องแรก อาจจะเรียกว่าเป็นเรื่องทาง “เท็คนิค” นั่นก็คือ ในปี 2552 นั้น เมื่อเริ่มต้นปีดัชนีตลาดหุ้นอยู่ในระดับต่ำมากเพียงสามร้อยกว่าจุด และถ้าเราพิจารณาว่าตลาดหุ้นนั้นตั้งมากว่า 30 ปี แต่ราคาหุ้นจากร้อยจุดขึ้นมาเป็นแค่สามร้อยกว่าจุด เท่ากับว่าราคาหุ้นขึ้นมาเฉลี่ยเพียงปีละ 3-4% แทบจะไม่คุ้มกับอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น หุ้นก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ทางเดียวนั่นคือ “ขึ้น” และหุ้นก็ขึ้นมาจริง ๆ อย่างแรงในปี 2552 แต่เหตุการณ์ในตอนเริ่มปี 2553 นั้นไม่ได้เป็นอย่างนั้น ดัชนีหุ้นได้ขึ้นมาสูงในระยะเวลาอันสั้น โอกาสที่หุ้นจะ “หยุดพัก” หรือปรับตัวลงบ้างก็น่าจะมี ดังนั้น ความไม่แน่นอนของผลตอบแทนในปี 2553 ก็น่าจะมีสูงพอสมควร

เรื่องที่สอง ในปี 2552 ค่า PE ซึ่งบอกถึงความถูกความแพงของตลาดหุ้นนั้นค่อนข้างต่ำ อาจจะอยู่ที่ 7-8 เท่า การที่หุ้นมีราคาถูกนั้น มองในมุมของ Value Investor แล้ว การลงทุนก็เป็นเรื่องง่ายที่จะทำกำไรสูงและมีความเสี่ยงต่ำ แต่พอถึงปี 2553 ค่า PE ของตลาดหุ้นก็ปรับตัวขึ้นมาที่ประมาณ 12-13 เท่า ซึ่งในตลาดหุ้นไทยแล้วก็ไม่ถือว่าหุ้นโดยเฉลี่ยมีราคาถูกอีกต่อไป ดังนั้น การลงทุนในปี 2553 จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำกำไรแบบปี 2552

เรื่องที่สาม สถานการณ์แวดล้อมในระดับโลกในปี 2552 นั้นอยู่ในสภาพ “เลวร้ายที่สุดในช่วงหลายสิบปี” ในเมืองไทยเองนั้น นอกจากผลกระทบที่มาจากโลกแล้ว เรายังมีปัญหาการเมืองที่รุนแรงภายในประเทศด้วย ดังนั้น รัฐบาลของทุกประเทศจึงต้องทำการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจนเหลือเกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์ นี่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ “เลวร้าย” มาก แต่มองแบบ Value Investor ผมกลับเห็นว่านี่คือ “โอกาส” เพราะการที่ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ที่สุดแล้ว มันก็มีทางไปทางเดียว นั่นคือ มันจะต้อง “ดีขึ้น” แต่เมื่อเริ่มปี 2553 เศรษฐกิจที่เลวร้ายก็เริ่มฟื้นตัว บางประเทศค่อนข้างแรง หลายประเทศเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ โลกกำลังพูดถึงการลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบของรัฐบาล ในขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะไปได้ด้วยตนเองจริง ๆ หรือยัง ความไม่แน่นอนมีอยู่ เศรษฐกิจอาจจะฟุบลงไปใหม่อย่างที่เคยเกิดขึ้นในวิกฤติครั้งก่อน ๆ ดังนั้น การเล่นหุ้นในปี 2553 จึงมีทั้งโอกาสที่หุ้นจะขึ้นและลง

สุดท้าย ก็มาถึงเรื่องของพื้นฐาน นั่นคือ กำไรของบริษัทจดทะเบียน ในตอนเริ่มปี 2552 นั้น มองย้อนกลับไปที่ผลประกอบการของปี 2551 ก็จะพบว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนตกต่ำลงโดยเฉพาะในไตรมาศสุดท้ายของปี 2551 เหตุผลก็คือ บริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีต่างก็ขาดทุนจากการที่มูลค่าของสินค้าคงคลังมีราคาลดลง เช่น น้ำมันดิบมีราคาลดลงจากที่เคยเป็น 140 เหรียญต่อบาเรลเหลือเพียง 40 กว่าเหรียญ เช่นเดียวกับราคาปิโตรเคมีหลาย ๆ อย่าง แต่ถ้ามองต่อไป ความเสี่ยงที่ราคาสินค้าจะลดลงต่อนั้นก็มีน้อยมาก ตรงกันข้าม โอกาสที่ราคาโภคภัณฑ์เหล่านั้นจะเพิ่มขึ้นมีมากกว่าและนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2552 ที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มกลับขึ้นมาเป็น 70-80 เหรียญต่อบาเรลในตอนสิ้นปี 2552 ทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นมาก

แต่ปี 2553 นั้น สถานการณ์ไม่แน่นอนแล้ว เพราะราคาน้ำมันและปิโตรเคมีอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำ โอกาสที่ราคาจะขึ้นนั้นอาจจะพอ ๆ กับที่ราคาจะลง ดังนั้น กำไรของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีในปี 2553 จึงไม่แน่นอนเหมือนปี 2552 ที่ดูเหมือนว่าจะมีแต่ทางขึ้นทางเดียว ความไม่แน่นอนของกำไรของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในปี 2553 ทำให้ผมไม่มั่นใจว่าดัชนีตลาดหุ้นของไทยจะวิ่งไปทางไหน สิ่งที่ผมคิดก็คือ โอกาสที่บริษัทจะมีกำไรก้าวกระโดดอย่างในปี 2552 น่าจะน้อย

ด้วยเหตุผลทั้งหลายที่กล่าวมาทำให้ผมไม่มองโลกในแง่ดีนักสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นในปีนี้ และถ้าจะซื้อหุ้น ผมก็จะเปลี่ยน “โหมด” การลงทุนจากที่เคยเน้นหุ้นที่อาจจะ “หวือหวา” ที่ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นลงรวดเร็วในปี 2552 มาเป็นหุ้นที่ค่อนข้างมั่นคงและสามารถรักษาระดับการจ่ายปันผลในอัตราที่ดีอย่างต่อเนื่องแทน เป้าหมายสำคัญสำหรับการลงทุนในปี 2553 ของผมก็คือ พยายามรักษาความมั่งคั่งที่ได้มาอย่างรวดเร็วในปี 2552 ไว้ และไม่หวังผลเลิศในปี 2553 แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะขายหุ้นทิ้งแล้วถือเป็นเงินสดไว้ เพราะเงินสดนั้นให้ผลตอบแทนน้อยมากเพียง 1-2 % ในขณะที่การลงทุนในหุ้นนั้น เฉพาะปันผลก็ 3-4% เข้าไปแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด ผมก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดไว้นั้นถูกจริงหรือเปล่า มันอาจจะมีปัจจัยอย่างอื่นที่เราคิดไม่ถึงเข้ามากระทบและกลบสิ่งที่เราคิดไว้ทั้งหมดได้ ดังนั้น ข้อสรุปของผมก็คือ Stay Calm, Stay Invest ใจเย็นและลงทุนต่อไป เพียงแต่ต้องระมัดระวังมากขึ้นและไม่หวังผลเลิศ



INFO: ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, โลกในมุมมองของ Value Investor, 23 มกราคม 53, http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=39035

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เรื่องเล่าของแวนโก๊ะ อย่ามองข้ามคุณค่า

 โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

วินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent Van Gogh) เป็นจิตรกรชาวดัตช์ ยุคโพสต์อิมเพรสชั่นนิสต์ ภาพที่เขาวาดเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความ “สวยงามแบบดิบๆ” แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา และใช้ “สี” ได้อย่างโดดเด่น มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อแวดวงศิลปะในศตวรรษที่ 20

หากจะเปรียบกับการลงทุนในหุ้นแล้ว ภาพวาดของ แวน โก๊ะ เปรียบเสมือน “หุ้นคุณค่าชั้นดี” ที่ตลาดไม่เคย “พบมูลค่า” ของมัน ตลอดเวลาที่เขายังมีลมหายใจ

ดังนั้น แม้ฝีมือจะเป็นเอกอุของโลก (โดยที่ตัวเขาเองอาจไม่ทราบ) แวน โก๊ะ กลับต้องเผชิญแต่ความยากจนข้นแค้น เป็นศิลปินไส้แห้งตลอดชีวิต  ก่อนตัดสินใจปลิดชีพตัวเองด้วยการยิงตัวตายในวันที่ 29 ก.ค. 1890 ขณะอายุเพียง 37 ปี

“ความมั่งคั่ง” ที่ผลงานของ แวน โก๊ะ ก่อให้เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วกลับตกอยู่ในมือของคนอื่นโดยที่ตัวเขาเองไม่เคยได้สัมผัสมันเลย

เรื่องราวของ วินเซนต์ แวน โก๊ะ (ขอเรียกว่า แวน โก๊ะ) ตลอดจนผลงานและความรู้สึกนึกคิดของเขา เป็นที่รับรู้ของคนยุคต่อมา ผ่านจดหมายที่เขาเขียนติดต่อกับ ธีโอ แวน โก๊ะ (Theo Van Gogh) น้องชาย (ขอเรียกว่าธีโอ) ซึ่งมีอาชีพเป็นดีลเลอร์ขายงานศิลปะ

ธีโอเป็นคนเดียวที่ให้การสนับสนุนแวน โก๊ะ ทั้งด้านการเงิน และคอยให้กำลังใจพี่ชายด้วยความปรารถนาดีอยู่ตลอดเวลา

ในปี 1888 ระหว่างที่แวน โก๊ะประสบปัญหาทางการเงินอยู่นั้น ธีโอ ได้รับมรดกมาเป็นเงินจำนวนหนึ่ง เขาจึงแบ่งเงินจำนวนนี้เพื่อช่วยเหลือพี่ชายที่กำลังตกยาก

นอกจากนี้ ด้วยคำขอของ แวน โก๊ะ ธีโอได้แบ่งเงินอีกส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือ พอล โกแกง (Paul Gau guin) เพื่อนจิตรกรคนสนิทของ แวน โก๊ะ โดยธีโอจ่ายเงินให้โกแกงเพื่อแลกกับภาพเขียนของเขาจำนวน 12 ภาพต่อปี หรือพูดง่ายๆ ก็คือจ่าย “เงินเดือน” ให้กับโกแกง โดยจ้างให้วาดภาพให้เดือนละภาพนั่นเอง

 ต่อมา ธีโอได้แนะนำให้แวน โก๊ะและโกแกงย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะได้ช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่าย ซึ่งแวน โก๊ะและโกแกงก็ทำตาม

เมื่อมาอยู่ร่วมกัน แวน โก๊ะกับโกแกงเริ่มมีเรื่องระหองระแหงบ่อยครั้งตามประสาลิ้นกับฟัน ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ แวน โก๊ะเริ่มมีอาการทางจิต ซึ่งทำให้เขาทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ การที่แวน โก๊ะตระหนักว่าความสัมพันธ์อันร้าวฉานระหว่างเขากับโกแกง คงทำให้ความฝันที่จะได้เปิดสตูดิโอร่วมกับเพื่อนรักคนนี้เลือนรางเต็มทน ก็ยิ่งทำให้เขาเป็นทุกข์ขึ้นไปอีก

ในปี 1888 ท่ามกลางความสับสน ว้าเหว่ จนกลายเป็นซึมเศร้านี้เอง แวน โก๊ะได้วาดภาพขึ้นมาสองภาพ ภาพหนึ่งเป็นภาพที่ชื่อว่า “เก้าอี้ของแวน โก๊ะ” (Van Gogh’s Chair) บนเก้าอี้นั้นมีไปป์และยาเส้นของเขาวางอยู่

ว่ากันว่าเก้าอี้ตัวนี้มีสัญญะบ่งถึงตัวตนที่แท้จริงของ แวน โก๊ะ โดยมันได้ถอดเอาภาวะอารมณ์ของเขาในเวลานั้นออกมา ทำให้เป็นเก้าอี้ที่ดูแตกต่างและมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ก่อนจะกลายเป็นภาพเขียนที่โด่งดังไปทั่วโลก




อีกภาพหนึ่งที่แวน โก๊ะวาดในเวลาไล่เลี่ยกัน คือภาพ “เก้าอี้ของโกแกง” (Gauguin’s Chair) เก้าอี้ตัวนี้ต่างจากตัวแรกตรงที่ดูหรูหรามีระดับกว่า ไม่เหมือนเก้าอี้ของแวน โก๊ะที่ดูเรียบง่าย

เก้าอี้ของโกแกง เป็นสีน้ำตาลเข้ม มีที่เท้าแขน บนที่นั่งมีหนังสือและเทียนที่จุดแล้ววางอยู่ โดยแวน โก๊ะได้ใช้ภาพนี้เป็นสัญลักษณ์แทนตัวของโกแกง

ทว่ายังไม่ทันที่จะวาดเสร็จ อาการทางประสาทของ แวน โก๊ะ ก็กำเริบอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานต่อได้ อย่างไรก็ตาม เมื่ออาการทุเลาลงแล้ว เขาก็ได้กลับมาวาดรูปเก้าอี้ของตัวเองจนสมบูรณ์ แต่ภาพเก้าอี้ของโกแกงนั้นถูกทิ้งไว้ โดย แวน โก๊ะ ไม่ได้กลับมาวาดต่ออีกเลย ตราบจนวันที่เขาตาย

เรื่องราวของ แวน โก๊ะ น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทุกคน ว่าในโลกนี้ ยังมี “มูลค่า” ซุกซ่อนอยู่เสมอ เราจึงไม่ควรมองข้ามสิ่งใกล้ๆ ตัว หรืออะไรก็ตามที่เราเห็นเพียงผ่านๆ มิเช่นนั้นอาจพลาดโอกาสงามๆ ไป

ในทางตรงกันข้าม หากเรากำลังทำงานที่มีคุณค่า แต่คนอื่นมองไม่เห็นความงดงามของมัน ก็ขอจงมุ่งมั่นศรัทธา ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไปอย่าล้มเลิก

ไม่แน่ว่าสักวัน ตลาดอาจ “ค้นพบ” และทำให้มันกลายเป็น “คุณค่าอันยิ่งใหญ่” เกินกว่าที่เราเคยคิดฝันก็เป็นได้


ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือ “[The World's Greatest Art] Van Gogh”, หนังสือ “ธีโอน้องรัก: จดหมายจาก วินเซนต์ แวน โกะ”, เว็บไซต์ wikipedia






INFO: http://clubvi.com/2012/12/15/van-gogh/

เปิดผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย ปี 55 "ทองมา" บิ๊กพฤกษาแชมป์ สมัยที่ 3 รวย 2.3 หมื่นล้าน /เครือญาติครม. ติดอันดับหลายคน



วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เปิดเผยผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2555 ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 19

ภาพรวมของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2555 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 ก.ย. 2555 จำนวน 5,737 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 1,051,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึง 385,753 ล้านบาท หรือ 51.91% เท่ากับรวยขึ้นเฉลี่ยวันละ 1,056.86 ล้านบาท

ทั้งนี้ปีนี้เป็นปีแรกที่ความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยมีมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านบาท เนื่องจากได้รับอานิสงส์โดยตรงจากภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ร้อนแรงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2555 ซึ่งเป็นวันคำนวณมูลค่าหุ้นที่เศรษฐีหุ้นไทยถือครอง ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,298.79 จุด เทียบกับปี 2554 ที่ 916.21 เท่ากับเพิ่มขึ้นถึง 382.58 จุด หรือ 41.76%

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2555 ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2555 ตกเป็นของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ซึ่งในปีนี้นับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ ทองมา ได้ครองตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย โดยเริ่มนั่งเก้าอี้แชมป์ตั้งแต่ปี 2553 ต่อเนื่องมาในปี 2554 และปี 2555

ในปีนี้ ทองมาถือครองหุ้นมูลค่ารวม 23,497.78 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 58.61% มูลค่า 23,307.57 ล้านบาท หุ้น บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) 1.09% มูลค่า 182.72 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ซีพโก้ (SEAFCO) บริษัทรับก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาทั่วไป ในสัดส่วน 0.65%มูลค่า 7.50 ล้านบาท

หลังจากเจอพิษตลาดหุ้นดิ่งลงทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลมายังตลาดหุ้นไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้ราคาหุ้น PS ของทองมาตกลงไปอยู่ที่ 14.30 บาท แต่มาในปีนี้ราคาหุ้น PS ก็กลับพลิกฟื้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 18.00 บาท ในวันที่ 30 กันยายน 2555 และเมื่อรวมกับมูลค่าหุ้นQH และ SEAFCO ที่เพิ่มขึ้นจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเช่นเดียวกัน จึงส่งผลให้ความมั่งคั่งของทองมา แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 4,977.44 ล้านบาทหรือ 26.88%

เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ในปีนี้ ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยถือหุ้น BTS ในสัดส่วน 43.57% มูลค่า 23,304.32 ล้านบาท และหุ้น บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) 0.68% มูลค่า 151.75 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 23,456.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,713.24 ล้านบาท หรือ 84.07% ซึ่งน้อยกว่าแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้เพียง 41.71 ล้านบาทเท่านั้น

ปีนี้ อดีตแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หล่นลงจากเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 มาอยู่ในอันดับ 3 โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 21,687.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,197.13 ล้านบาท หรือ 40.01% ประกอบด้วย หุ้น บมจ.แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.76% มูลค่า 21,682.02 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.36% มูลค่า 5.94 ล้านบาท

สำหรับเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 4-6 ในปีนี้ ยังตกเป็นของ 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) แต่มีการสลับตำแหน่งกันเล็กน้อย โดยเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 4 ได้แก่ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 5 ในปี 2554 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า21,123.49 ล้านบาท รวยขึ้น 11,253.23 ล้านบาท หรือ 114.01% ประกอบด้วยหุ้น BGH ที่หมอเสริฐถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 12.7% มูลค่า21,092.04 ล้านบาท และหุ้น บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) 0.79% มูลค่า 31.45 ล้านบาท

ด้าน วิชัย ทองแตง หล่นจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้วมาเป็นเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 5 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 16,791.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น4,987.30 ล้านบาท หรือ 42.25% ประกอบด้วยหุ้น BGH ในสัดส่วน 9.94% มูลค่า 16,519.43 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ปุ๋ยเอ็นเอฟซี (NFC) 8.04% มูลค่า 272ล้านบาท

ส่วนเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 6 ยังเป็นของ สาธิต วิทยากร เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้น BGH สูงเป็นอันดับ 3 ในสัดส่วน 7.94% รวมมูลค่า 13,188.18 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 3,704.56 ล้านบาท หรือ 39.06%

ในรอบปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ BGH ได้ปรับตัวเพิ่มสูงมาก จาก 64 บาท เป็น 107.5 บาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 เพิ่มขึ้น 43.50 บาท หรือ 67.97% ส่งผลให้บรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 ราย รวยขึ้นกันถ้วนหน้า

สำหรับเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 7 ในปีนี้ ยังตกเป็นของ ทายาทโอสถสภา นิติ โอสถานุเคราะห์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 12,330.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น4,761.02 ล้านบาท หรือ 62.90% โดยนิติ เป็นเศรษฐีหุ้นไทยอีกรายที่รวยขึ้นจากการที่ราคาหุ้นในพอร์ตทั้ง 14 บริษัทได้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้ว

ปีนี้ 3 พี่น้องในตระกูลมาลีนนท์ได้กลับมาทวงตำแหน่งเศรษฐีหุ้นไทยในอันดับ 8 และ 9 ได้สำเร็จ โดยเศรษฐีหุ้นไทยทั้ง 3 ราย ได้แก่ ประชุมนิภา และประวิทย์ มาลีนนท์ เป็นผู้ถืออันดับ 1 ของ บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ในสัดส่วน 6.38%

แต่นอกเหนือจากหุ้น BEC แล้ว ประชุมยังถือหุ้น บมจ.ศิครินทร์ (SKR) อีก 4.5% มูลค่า 89.10 ล้านบาท และหุ้น บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์(MJD) 0.64% มูลค่า 12.78 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 9,861.37 ล้านบาท รวยขึ้น 5,105.37 ล้านบาท หรือ 107.35% ส่งผลให้ประชุมเป็นเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 8

ส่วนนิภา และประวิทย์ เป็นเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 9 โดยมีมูลค่าหุ้น BEC ที่ถือครองคนละ 9,759.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,071.11ล้านบาท หรือ 108.16%

ทั้งนี้จากการสำรวจรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 3 ที่ได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555 พบว่า มีเครือญาติของ ครม.ชุดนี้ติดอยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปี 2555 หลายราย

เริ่มจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี 2 หลานสาว ทายาทของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณผู้เป็นพี่ชาย ติดอันดับเศรษฐีหุ้นในปีนี้ โดยหลานสาวคนเล็ก แพทองธาร ชินวัตร เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 47 ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) 29.22% มูลค่า 3,459.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,364.49 ล้านบาท หรือ 65.14% และหลานสาวคนกลาง พิณทองทา ชินวัตร เศรษฐีหุ้นอันดับ 53 ถือหุ้น SC 28.28% มูลค่า 3,347.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,320.47 ล้านบาทหรือ 65.14%

ซึ่งทั้งคู่รวยขึ้นจากราคาหุ้น SC ที่เพิ่มขึ้น 7.10 บาท หรือ 65.14% โดยปรับขึ้นจาก 10.90 บาทเมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 18 บาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2555

ส่งผลให้ตระกูลชินวัตรก้าวขึ้นเป็นตระกุลเศรษฐีหุ้นจากอันดับ 30 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 27 ในปีนี้ โดยหลานสาวทั้งสองของนายกรัฐมนตรีถือหุ้น รวมมูลค่า 6,806.94 ล้านบาท ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,684.96 ล้านบาท หรือ 65.14%

ส่วน คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตพี่สะใภ้ ปีนี้ตกลงไปอยู่อันดับ 502 ตกจากอันดับ 467 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้น SC 2.81% มูลค่า333.11 ล้านบาท รวยขึ้น 111.50 ล้านบาท หรือ 50.31%

ด้าน พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ มีเครือญาติติดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ 2 ราย ได้แก่ ลูกสาว ญาภา เทพกาญจนา เศรษฐีหุ้นอันดับ 244 ถือหุ้น บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) 2.08% มูลค่า 795.50 ล้านบาท และภรรยา พนิดา เทพกาญนา เศรษฐีหุ้นอันดับ264 ถือหุ้น KK 1.90% มูลค่า 728.08 ล้านบาท

ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มี 2 ทายาทหนุ่ม ได้แก่ โดย อาจหาญ อยู่บำรุง ติดอันดับ 1,811 ถือหุ้น บมจ.ยูนิมิตเอนจิเนียริ่ง (UEC) 2.64% มูลค่า 58.28 ล้านบาท และ ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ติดอันดับ 2,213 ถือหุ้น UEC 1.75% มูลค่า 38.60 ล้านบาท

สำหรับแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปี 2555 ได้แก่ ตระกูลมาลีนนท์ ซึ่งเป็นการครองแชมป์ที่ต่อเนื่องและยาวนานที่สุด โดยยึดตำแหน่งตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 14 แล้ว โดยเฉพาะในปีนี้ที่ราคาหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ปรับเพิ่มขึ้นมาถึง 108.16% ส่งผลให้มูลค่าความมั่งคั่งของตระกูลมาลีนนท์พุ่งขึ้นไปแตะ 70,262.43 ล้านบาท โดยมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 36,456.96 ล้านบาท หรือ 107.84%

ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัลปีนี้ขึ้นจากอันดับ 3 มาอยู่ในอันดับ 2 โดยเครือญาติในตระกูลถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 40,865.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,524.93 ล้านบาท หรือ 91.49%

ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 3 ได้แก่ ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ ตกลงมาจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว โดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาท มาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ถือครองหุ้น บมจ.พฤกษา (PS) รวมมูลค่า 28,087.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,920.94 ล้านบาท หรือ 26.71%

ด้านตระกูลอัศวโภคิน ยังคงอยู่ในอันดับ 4 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดย 7 เครือญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา สุภัทรา และอภิชิตถือครองหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 28,032.39 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9,464.94 ล้านบาท หรือ 50.98%

สำหรับตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ในปีนี้ ได้แก่ ตระกูลกาญจนพาสน์ โดยก้าวขึ้นจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้วจากหุ้น BTS และ BLAND ที่ 5 ทายาทถือครองมีมูลค่ารวม 27,529.01 ล้านบาท รวยขึ้น 13,610.71 ล้านบาท หรือ 97.79%


10 อันดับเศรษฐีหุ้นไทย 2012


INFO: เศรฐกิจ-หุ้น, โพสต์ทูเดย์

บล.โกลเบล็ก มองหุ้นปีหน้า นิวไฮกลางปีที่ 1,478 จุด แนะกลุ่มพลังงานทดแทน-เติบโตสูง-โครงสร้างพื้นฐาน






นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก เปิดเผย “ลับคมกลยุทธ์จัดทัพพอร์ตรับการลงทุนปี 2013” ว่า ในปี 2556 ภาครัฐจะมีการลงทุนถึง 2.3 ล้านล้านบาทส่งผลให้กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างมีน้ำหนักมากกว่าตลาด ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีและอสังหาริมทรัพย์เท่ากับตลาด และกลุ่มโรงพยาบาล สื่อสาร โรงแรมและสื่อน้อยกว่าตลาด ขณะที่กลุ่มส่งออกไม่แนะนำให้ลงทุน

ในปีหน้า นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและเพิ่มสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) เป็น 15 เท่า เทียบกับปีนี้ที่ 11-13 เท่า เนื่องจากไทยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสถาบันการเงินยังมีความแข็งแรง

“ปีหน้าเรามองดัชนีจะทำนิวไฮที่ 1,478 จุด ซึ่งจะเกิดขึ้น|ในช่วงกลางปี และกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน (บจ.)โต 10% แต่ไตรมาส 1 อาจเห็นดัชนีปรับตัวลงจากการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐ จึงเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นได้” นายจักรกริช กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนในปีหน้า เป็นการลงทุนในหุ้นไทย 60% กองทุนโครงสร้างพื้นฐานและทองคำอย่างละ 5% ซึ่งราคาทองคำจะถึง 2,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้ ส่วนพอร์ตที่เหลือซื้อหุ้นในกองทุนยุโรป สหรัฐ และจีน รวมถึงกระจายถือเงินสด

สำหรับพอร์ตการลงทุนหุ้นแบ่งเป็น 3 กลุ่มที่เน้นการถือยาวได้ประมาณ 1 ปี คือ กลุ่มที่มีผลประกอบการโดดเด่น ให้น้ำหนัก|ถึง 40% มีทั้งหมด 8 ตัว คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บริษัท ไทยคม (THCOM) บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) และธนาคารกรุงไทย (KTB)

กลุ่มพลังงานทดแทน 25% เช่น บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) และบริษัท เด็มโก้ (DEMCO) และกลุ่มเกี่ยวข้องโครงสร้างพื้นฐาน 35% เช่น บริษัท ช.การช่าง (CK) บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) หรือ CNT |บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC)



INFO: เศรฐกิจ-หุ้น, โพสต์ทูเดย์

ANAN : เดินหน้ากำไร



ใช้หนี้ได้หลักทรัพย์ปั้นรายได้ หนี้ต่ำหมุนเงินสดลงทุนสบาย
 
“อนันดาฯ” ยันราคาไอพีโอไม่แพง ชำระหนี้ 3,000 ล้านไถ่ถอนหลักทรัพย์จากแบงก์นำมาต่อยอดรายได้ ผสมลงทุนใหม่ สร้างกำไรระยะยาว

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ที่ 4.20 บาท เหมาะสมแล้ว เมื่อเทียบกับผลประกอบการของบริษัทในปี 2556-2558 ที่จะกลับมามีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง จากฐานรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตจาก 1.22 หมื่นล้านบาทในปีหน้า เป็น 1.82 หมื่นล้านบาท ในปี 2558

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีโครงการลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการระดมทุน โดยบริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการของ ADO ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง ANAN กับ TMW Ananda GmbH จำนวน 48.3% จะช่วยหนุนกำไรในปี 2556 ทันที รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของรายได้ เพราะ ADO มีโครงการแนวราบทางตะวันออกของกรุงเทพฯ ถึง 6 แห่ง และมีที่ดินขนาดใหญ่ที่บางนา นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้

“ราคาหุ้นไอพีโอถือว่าแฟร์แล้ว เราถกเถียงกันอย่างหนักกับนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ก่อนที่จะมีการทำบุ๊กบิวด์ โดยเฉพาะกับทางบาร์เคลย์ส ซีไอเอ็มบี บล.บัวหลวง และบล.เคทีซีมิโก้ ซึ่งเป็นตัวแทนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศและในประเทศ จนได้ข้อสรุปว่าราคาที่ 4.20 บาทเหมาะสมที่สุด และหากเทียบกับแนวโน้มผลประกอบการในปีหน้าจะเห็นว่าอัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ของ ANAN จะต่ำเพียง 8 เท่า” นายชานนท์ กล่าว

ทั้งนี้การนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 3,000 ล้านบาท ไปชำระหนี้นั้นเป็นการนำไปไถ่ถอนทรัพย์สินที่จำนองไว้กับธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นโฉนดที่ดินของโครงการคอนโด AD2-Mobi ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 4,000 ล้านบาท เมื่อบริษัทไถ่ถอนโฉนดได้แล้วก็จะนำไปโอนให้กับลูกค้า และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวได้ทันทีในต้นปีหน้า เนื่องจาก ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทสามารถขายคอนโดให้ลูกค้าได้แล้วจำนวน 2,300 ล้านบาท คงเหลืออีก 1,700 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ในช่วงต่อไป

“การนำเงินไปชำระหนี้ นอกจากจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการ Mobi แล้ว ยังทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงต่ำกว่า 1 เท่าด้วย ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของเราแข็งแกร่ง และมีศักย ภาพขยายธุรกิจต่อไป” นายชานนท์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ที่ขาดทุนจำนวน 314 ล้านบาท เป็นการขาดทุนทางบัญชี โดยบริษัทมีค่าความนิยมติดลบ (PPA) ที่เกิดจากการซื้อกิจการในอดีตจำนวน 1,500 ล้านบาท และได้ทยอยตัดลดในงบการเงินมาอย่างต่อเนื่องไอพีโอ, จนปัจจุบันเหลือประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะไม่ทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอีกแล้ว

นายชานนท์ กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นของบริษัทหลุดจองตั้งแต่วันแรก เป็นเพราะนักลงทุนขาดความเข้าใจในทิศทางดำเนินธุรกิจของบริษัท และได้รับข้อมูลไม่เพียงพอ ซึ่งธรรมชาติของ ANAN เป็นหุ้นเติบโตสูง เหมาะกับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 20% กำไรขั้นต้น 35% และกำไรขั้นต้นสุทธิ 17% จะช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่แทนการรับเงินปันผลในแต่ละปี ซึ่งหุ้น ANAN สอดคล้องกับแนวทางการลงทุนของนักลงทุนสถาบันมากกว่า



INFO: โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

'ประชา' จ่อถือหุ้นใหญ่ N-PARK

นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 13/2555 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 มีมติอนุมัติให้จัดสรรและเสนอหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 53,500 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 0.029 บาท

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ธุรกิจยักษ์โบนัสอู้ฟู่ ค่ายรถ-อสังหาฯ-สื่อสาร-คมนาคม ยันค้าปลีกควักกระหน่ำถ้วนหน้า






ธุรกิจคึกคัก ควักกระเป๋าจ่ายโบนัสพนักงานรับปีใหม่ ค่ายรถยนต์ร้อนแรงโตโยต้าอัด 8.5 เท่า คอนโดฯ-รับเหมารับทรัพย์หนัก ควักจ่ายด้วย "ศุภาลัย-ซิโน-ไทย" มีลุ้น 8- 10 เดือน  กลุ่มรัฐวิสาหกิจวงการคมนาคมขนส่งรับถ้วนหน้า การท่าฯจ่าย 7.5 เดือน

ไทยฮั้วยางพาราทะลุวงการ ขออัดฉีดโบนัส 3-6 เดือน ส่วนสหฟาร์มทนแบกต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มไม่ไหวปีนี้ของด    

    แม้เศรษฐกิจภาพรวมจะแผ่วลง จากการแห่ปรับลดการเติบโตของจีดีพีปี 2555 ลง จากระดับ 7% ลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 5-5.5%  อย่างไรก็ตาม แรงส่งจากการเร่งใช้จ่ายฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงโครงการประชานิยมทั้งหลาย ได้เพิ่มกำลังซื้อในระดับรากหญ้าถ้วนหน้า ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ ยังเติบโตและมีผลประกอบการที่ดี และบางอุตสาหกรรมดีมาก นั้น
    "ฐานเศรษฐกิจ"สำรวจเรียงตัวบริษัทธุรกิจ ผู้ประกอบการระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม ต่างตัดสินใจจ่ายโบนัส หรือเงินพิเศษแก่พนักงานของตนกันถ้วนหน้า และหลายอุตสาหกรรมจ่ายให้อย่างจุใจ โดยในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตในปีนี้ถือว่าเป็นปีทอง จากยอดผลิตทะลุ 2 ล้านคัน เป็นสถิติใหม่  ขณะที่ยอดขายในประเทศ ก็คาดว่าอาจจะสูงถึง 1.4 ล้านคัน เติบโตเกือบเท่าตัวจากปีก่อน
-ค่ายรถอัดถ้วนหน้าโตโยต้ารับ8.5เดือน 
     ยอดขายรถยนต์ที่เติบโตในปีนี้  แน่นอนว่าบริษัทผู้ผลิตที่ถูกจับตามองที่สุดก็คือค่ายโตโยต้า ที่ล่าสุดได้ประกาศโบนัสให้กับพนักงานเป็นจำนวน 8.5 เดือน บวกกับเงินพิเศษ เท่ากับปีที่แล้ว โดยได้จ่ายโบนัสก้อนแรก  4 เดือน ช่วงกลางปีเมื่อเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนไปก่อนแล้ว มีรอลุ้นที่เหลืออีก 4.5 เดือน  ส่วนมิตซูบิชิ มอบโบนัสให้กับพนักงาน 7 เดือน บวกเงินพิเศษ ด้านค่ายฮอนด้าทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ คาดว่าโบนัสจะอยู่ที่ 6 เดือนและบวกเงินพิเศษ ส่วนค่ายฟอร์ด – มาสด้า –นิสสัน นั้นการจ่ายโบนัสจะเป็นช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นการปิดปีงบประมาณ ขณะที่ค่ายเชฟโรเลต –อีซูซุนั้น คณะผู้บริหารปิดปากเงียบไม่เปิดเผยข้อมูล
    ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน โดยยามาฮ่าคาดว่ามีโบนัส 4-5 เดือน และบวกเงินพิเศษ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของบริษัทรถยนต์นั้น จากการสำรวจของฐานเศรษฐกิจ พบว่า บริษัทชิ้นส่วนระดับกลางให้โบนัสพนักงานประมาณ 4 เดือน บวกกับเงินพิเศษอีกประมาณคนละ  2 – 3 หมื่นบาท 
-อสังหาฯ-รับเหมา อู้ฟู่
    ขณะที่กลุ่มผู้รับเหมาและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ปีนี้ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคอนโดมิเนียม ที่แข่งกันผุดโครงการรับแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ นั้น นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่า ไตรมาส 4 ของปีนี้จะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบปี ส่วนทั้งปีคาดว่าจะมียอดขาย 1.9 หมื่นล้านบาท
    "การจ่ายโบนัสเป็นตามเงื่อนไขและผลประกอบการที่บริษัทตั้งไว้  ปีนี้คาดว่าจะจ่ายให้พนักงานใกล้เคียงกับปี 2554 คือประมาณ 5-9 เดือน หากผลประกอบการมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ก็จะมีการพิจารณาปรับเพิ่มการจ่ายโบนัสให้แก่พนักงาน" นายอธิป กล่าว
     นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัท จ่ายไม่เกิน 3 เดือน แต่ปีนี้ผลประกอบการน่าจะเป็นไปตามเป้า คือ 4,000 ล้านบาท จึงมีแผนที่จะปรับเพิ่มการจ่ายโบนัสเป็นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4 เดือน และยังได้นำผลประเมินการทำงานมาใช้ในการพิจารณาให้โบนัสด้วย ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีน่าจะได้  4 -6 เดือน โดยมีกำหนดจ่ายโบนัสในช่วงเดือนมกราคม 2556
-ซิโน-ไทยลุ้นโบนัสกระโดด
    ขณะที่นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า การจ่ายโบนัสปีนี้ คาดว่าจะไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจ่ายโบนัส 6 เดือน โดยยึดหลักเกณฑ์กำไรเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ 600 ล้านบาท จะจ่ายโบนัสตามสัดส่วนกำไรส่วนเพิ่ม  ซึ่ง ยังต้องรอสรุปตัวเลขทั้งปีก่อน แต่จากตัวเลขรายรับที่เกินเป้าไปแล้วนั้น ยืนยันได้ไม่น้อยกว่า 6  เดือนแล้ว  ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตระกูลผู้ก่อตั้งแต่ไม่มีตำแหน่งบริหารในบริษัทแล้ว ได้เผยก่อนหน้านี้ว่า  ปีนี้มีโอกาสลุ้นโบนัส 8- 10 เดือน
    ด้านบริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า  ปีนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมจัดประชุมรับฟังความเห็นของผู้บริหาร เพื่อเตรียมจ่ายในช่วงตรุษจีนของปี 2556  ส่วนปีที่ผ่านมาจ่ายให้โดยเฉลี่ย 3 เดือน ซึ่งเป็นการจ่ายให้โดยวัดจากเกณฑ์ความสามารถในกรณีประเมินการทำงานของแต่ละคน ส่วนบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) จ่าย 1 เดือนเป็นประจำทุกปี
-การท่าฯเอาไปเลย 7.5 เท่า 
    ด้านบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ก็ไม่น้อยหน้า นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)(บมจ.)  กล่าวว่า บริษัทมีการจ่ายโบนัสให้พนักงานสูงสุดจำนวน 5 เดือน โดยก่อนหน้านี้เคยระบุว่ายอดขายบริษัทเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งภาพรวม 9 เดือนบริษัทมียอดขายรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรประมาณ 790 ล้านบาท
เช่นเดียวกับกลุ่มท่องเที่ยว-การบิน  ทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จ่ายโบนัส 7.5 เท่าของเดือน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว รวมทั้งในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2555 จะมีการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.80 บาท เนื่องจากปีนี้มีผลประกอบการที่ดี เพิ่มขึ้น 1.83 พันล้านบาทจากปีก่อนหน้า  ขณะที่บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด หรือบวท. จ่ายเงินรางวัลพิเศษ 4 เดือน ส่วนโรงแรมเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ จ่ายโบนัส 1.5 เดือน
-การทางพิเศษก็รับ5เดือน
    รัฐวิสาหกิจในแวดวงคมนาคมขนส่งก็รับถ้วนหน้า นายอัยยณัฐ  ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า ต้องรอความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบรายได้ คาดจะจ่ายปีนี้ประมาณ 5 เดือน จากคาดหมายรายรับทั้งปีที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท สูงจากที่ผ่านมาประมาณ 1,000 ล้านบาท ด้านบริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) ก็มีโบนัส โดยนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ายังคงจ่ายโบนัส 1 เดือน ให้กับพนักงานเช่นทุกปีที่ผ่านมา จากตัวเลขผลกำไรประมาณ 100 ล้านบาท ใกล้เคียงกับทุกปีที่ผ่านมา
-โทรคมฯคึก กสท.ได้ 4 เดือน
    เช่นกันในกลุ่มธุรกิจด้านโทรคมนาคม และกิจการการสื่อสารใหม่ ๆ ก็คึกคักไม่น้อย แม้จะเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยแหล่งข่าวจาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวันที่ 18 ธันวาคม 2555  บมจ.ทีโอที จะมีการแจกโบนัสให้กับพนักงานจำนวน 1 เดือน และจ่ายโบนัสอีกรอบช่วงกลางปี  ประมาณเดือนพฤษภาคม 2556 ซึ่งจะต้องมีการประเมินผลงานจากการจัดอันดับของทริส เรทติ้งอีกครั้งหนึ่ง โดยการจ่ายโบนัสในครั้งนี้เท่ากับปีที่ผ่านมา
    ส่วนที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) แหล่งข่าว กล่าวว่า ในวันที่ 12 ธันวาคม 2555 มีวาระการประชุมบอร์ด เชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทจะมีการสรุปจ่ายโบนัสประจำปี โดยปีที่ผ่านมาอนุมัติจ่ายโบนัสประมาณ 4 เดือน แบ่งเป็นก้อนแรกจ่าย 3 เดือน อีกส่วนจ่ายตามขั้นเงินเดือน โดยพนักงานที่ได้ขึ้นเงินเดือน 2 ขั้น จะได้โบนัส 40 วัน ถ้าได้ปรับขึ้น 1 ขั้น ก็ได้โบนัสแค่ 20 วัน
    ด้านเอกชนนั้นแหล่งข่าวจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่สรุปการจ่ายโบนัสอย่างเป็นทางการ คาดว่าต้นเดือนมกราคม 2556 คณะกรรมการจะมีมติ และจ่ายให้ในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นประจำทุกปี ที่ผ่านมาจะได้เฉลี่ยประมาณ  4 เดือน
-จานดาวเทียมให้ทั้งโบนัส-ปรับฐาน
    ขณะที่นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า จะจ่ายโบนัสให้พนักงานในต้นปี 2556 ซึ่งที่ผ่านมาจะจ่าย 1 เดือนเป็นเบื้องต้น แต่ถ้าแผนกใดทำงานได้เกินเป้าหมาย ก็จะได้รับจัดสรรเพิ่ม
    ด้านธุรกิจจานดาวเทียมก็ไม่น้อยหน้า นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ต้นปีบริษัทตั้งเป้ารายได้โตที่ 25-30 %  แต่จากข่าว กสทช. เรื่องของทีวีดิจิตอล ทำให้ผู้ชมสับสน ไม่เข้าใจข้อมูลรายละเอียดและระบบการติดตั้ง ชะลอการซื้อ ส่งผลให้ยอดขายกล่องของบริษัทในช่วงไตรมาส4ลดลง  คาดถึงสิ้นปี 2555 จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% แม้ยอดขายลดลง แต่บริษัทยังคงจ่ายโบนัสให้พนักงานในอัตราเฉลี่ย 3-5 เดือน และในปี 2556 บริษัทจะปรับฐานเงินเดือนให้พนักงาน ที่อยู่โรงงานในเขตสุพรรณบุรีและกรุงเทพฯ เพิ่มอีก 15%  ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1 พันคน
-ภาคผลิต-ส่งออกยังกัดฟันให้
    ด้านภาคผลิตและส่งออกที่ต้องสู้หนักในเวทีโลกปีนี้ยังกัดฟันให้โบนัสพนักงาน โดยนางประพีร์   สรไกรกิติกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่ ผู้ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับชั้นนำ กล่าวว่า บริษัทจะจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานในปีนี้เฉลี่ย 1-2 เดือน ตามอายุงานและผลงานของพนักงานและคนงาน ที่มีอยู่ประมาณ 4 พันคน โดยในปี 2555 คาดบริษัทจะมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านบาท มีกำไรพอสมควร ซึ่งการจ่ายโบนัสในปีนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว นอกจากนี้จะมีการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีด้วย
    เช่นกัน นายหลักชัย  กิตติพล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) (บมจ.) ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพารารายใหญ่ เผยว่า บริษัทจะจ่ายเงินโบนัสปี 2555 ให้กับพนักงาน 3-6 เดือน โดยให้ตามอายุงานและตามผลงาน ซึ่งในปีนี้ยังถือเป็นปีที่ดีของบริษัท ทั้งในด้านรายได้และกำไร จากปกติในแต่ละปีที่ผ่านมาการจ่ายโบนัสก็อยู่ในระดับเดียวกับปีนี้
-สหฟาร์มรับสภาพงดโบนัส 
    ขณะที่นายอดิเรก  ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่  และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทจะจ่ายโบนัสให้พนักงานที่ 2 เดือนของอัตราเงินเดือนในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามปกติมาตรฐานที่บริษัทมีการจ่ายโบนัส 2 เดือนมาเป็นประจำทุกปี และปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ผลประกอบการ และกำไรของบริษัทยังไปได้ดี
    ส่วนดร.ปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกไก่แปรรูป และไก่สดแช่แข็ง กล่าวว่า ผู้บริหารของบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะจ่ายโบนัสหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นมองว่ามีความเป็นไปได้ยาก เพราะในปีนี้ในภาพรวมผลประกอบการของบริษัท ยังประสบภาวะขาดทุน จากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ ค่าจ้างแรงงาน ปรับตัวสูงขึ้นมาก นอกจากนี้เงินบาทยังแข็งค่า เศรษฐกิจโลกซบเซา ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของบริษัท และกระทบต่อวงการปศุสัตว์ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ดังนั้น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันในปีหน้าจึง คล้ายกับเป็นโบนัสคนงานของบริษัทที่มีอยู่กว่า 3 หมื่นคนไปในตัว ส่วนการปรับเงินพนักงานจะเป็นไปตามสภาวการณ์ของบริษัท
-ธุรกิจอาหาร-ค้าปลีก
    ส่วนธุรกิจอาหารและค้าปลีกที่ปีนี้เคลื่อนไหวหนักนั้น  นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมผลประกอบการบริษัทปีนี้ มีการเติบโตสูงถึง 27% ทั้งหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ทำให้บริษัทพิจารณาจ่ายเงินโบนัสเฉลี่ย 2 เดือน ซึ่งเท่ากับปีก่อน และถือเป็นการจ่ายปกติทุกปีด้วย ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 4-5 พันคน พร้อมกับในปีหน้าบริษัทยังมีการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานด้วยประมาณ 6-7%
    "บริษัทมีพนักงานรวมประมาณ 7 พันคน เป็นพนักงานประจำประมาณ 4 พันคน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะได้รับโบนัสเฉลี่ยใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือประมาณ 2 เดือน จากฐานเงินเดือนกว่า 1 หมื่นบาทขึ้นไป ส่วนที่เหลือเป็นพนักงานพาร์ตไทม์" นายไพศาล กล่าว
    นายอาร์ชวัส เจริญศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร กลุ่มผลิตภัณฑ์โคคา-โคลา (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทจ่ายโบนัสหรือผลตอบแทนตามประสิทธิภาพการทำงาน หรือตามผลการปฏิบัติงานอยู่แล้ว ซึ่งจะจ่ายเป็นจำนวนเท่าไหร่นั้นไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่ยืนยันว่าจากผลประกอบการที่ดีเป็นไปตามเป้า ประกอบกับไม่มีปัจจัยลบเข้ามาเกี่ยวข้องในปีนี้ จะทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินโบนัสให้แก่พนักงานได้มากกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน
    ด้านแหล่งข่าวจาก บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า การจ่ายโบนัสสำหรับพนักงานจะอยู่ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่มีการแจ้งจากผู้บริหารแต่อย่างใด ซึ่งปีที่ผ่านมาอัตราการจ่ายโบนัสแก่พนักงาน จะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือนครึ่ง และคิดว่าปีนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกัน ขณะเดียวกันในส่วนของการปรับฐานเงินเดือน คาดว่าน่าจะมีเหมือนประจำทุกปีอยู่แล้ว ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการประเมินปลายปีอีกที เช่นเดียวกับกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ในประเทศไทยฯ ยังไม่มีการพิจารณาโบนัสแต่อย่างใด เนื่องจากการประเมินโบนัสจะมีขึ้นในเดือนเมษายนพร้อมกันทั้งภูมิภาค
-งานเข้าเป้าพนักงานบลจ.มีลุ้น
    ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งปีวอลุ่มโตเล็กน้อย คาดโบนัสไม่ต่างจากปีก่อนที่จ่ายเฉลี่ย 2-3 เดือน พร้อมปรับเงินเดือน 5-10 %  ส่วนบลจ.รับอานิสงส์กองทุนหุ้นดีโบนัสดีกว่าปีก่อน โดยนางภัทธีรา  ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ปี 2555 ทั้งอุตสาหกรรมเติบโตจากปี 2554 เล็กน้อย  มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ย 3.2 หมื่นล้านบาท  ขณะที่ปีก่อนมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 3.1 หมื่นล้านบาท  ดังนั้น คาดว่าทั้งอุตสาหกรรมจ่ายโบนัสเฉลี่ย 2-3 เดือน ใกล้เคียงกับปีก่อน
นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีผลการดำเนินงานคงใกล้เคียงกับปีก่อน ดังนั้น การจ่ายโบนัสให้กับพนักงานคงไม่น้อยกว่าปีก่อน ที่จ่ายขั้นต่ำ 2 เดือน (ให้โบนัสตามผลงาน) นอกจากนี้จะพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือน โดยอิงจากเงินเฟ้อ 3.5 -7 %
    นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า ปีนี้มีโอกาสที่บริษัทจะเพิ่มค่าตอบแทนให้กับพนักงานดีขึ้น และปีหน้าจะปรับอัตราเงินเดือนให้กับพนักงานไม่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ หรือปรับขึ้นประมาณ 5-10 %
    ขณะที่นายฉัตรพี  ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมปีนี้ดีกว่าปีก่อน เนื่องจากตลาดหุ้นปรับขึ้นเฉลี่ย 30 % ส่งผลให้กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารทำผลงานออกมาดี ดังนั้น บริษัทอาจพิจารณาจ่ายโบนัสเพิ่มจากปีที่แล้ว ส่วนปีหน้าจะปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานไม่น้อยกว่าอัตรา 5 %
-สื่อก็จ่ายโบนัส
    ขณะที่แวดวงธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ มีการจ่ายโบนัสแตกต่างกันไป โดยแหล่งข่าวจากวงการหนังสือพิมพ์ระบุว่า เครือมติชน มีการจ่ายโบนัส 2 เดือน ลดลงจากปีก่อนที่เคยจ่ายโบนัส 3 เดือน ส่วนโพสต์ทูเดย์โบนัส 2 สัปดาห์ กรุงเทพธุรกิจคาดว่าจะจ่ายโบนัสไม่ต่ำกว่า 1 เดือน จากปีที่ผ่านมาจ่ายให้ 120 % และได้มากกว่าหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก และเดอะ เนชั่น (The Nation) ที่อยู่ในเครือเดียวกัน ด้านเดลินิวส์จะมีการพิจารณาจ่ายโบนัสให้พนักงาน ช่วงสิ้นปี 2555 โดยที่ผ่านมามีการจ่ายโบนัสให้พนักงานประมาณ 3-4 เดือน และแบ่งจ่ายเป็น 2 ช่วงคือต้นปีและกลางปี ขณะที่ฐานเศรษฐกิจได้กลับมาจ่ายโบนัสพนักงานอีกครั้ง จากที่ให้เป็นเงินพิเศษมาหลายปี โดยจ่ายก้อนแรก 1 เดือนในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ แล้วรอสรุปยอดขายรวมทั้งปีเพื่อจะลุ้นอีก 0.5- 1 เดือนต้นปีหน้า   


INFO: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,799 วันที่  9-12  ธันวาคม พ.ศ. 2555, http://www.thanonline.com/

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รวมข่าวหุ้น (11-12-2012)

สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ทันหุ้น


'ROJNA' กองทุนฝรั่งรุมทึ้ง กูรูแนะสอยก่อนเข้า SET100
ROJNA ดี๊ด๊าติดโผเข้า SET100 มั่นใจกองทุนฝรั่งตุนหุ้นเข้าพอร์ตเพียบ เดินเครื่องธุรกิจเต็มสูบสร้างฐานธุรกิจปี 2556 แกร่ง ส่วนงบปี 2555 สดใส ปั๊มรายได้สุดโต่ง จากปีก่อนที่ 6.46 พันล้านบาท แถมทยอยรับรู้รายได้คอนโดในจีนมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านบาท กูรูแนะสอยเป้าหมาย 14.18 บาท

LEE ฟาดกำไร Q4/55 พุงกาง เล็งแตกไลน์ธุรกิจครบวงจร
LEE ยันบิ๊กล็อต LEE-W2 ไม่กระทบโครงสร้างผู้ถือหุ้น แม้ใกล้วันใช้สิทธิแปลงสภาพ 28 ธันวาคมนี้ ขณะที่ผลงานไตรมาส 4/2555 มีลุ้นกำไรฝุ่นตลบหลังเข้าสู่ฤดูส่งออกเนื้อสัตว์ คาดยอดขายอาหารสัตว์สำเร็จรูปกระฉูด พร้อมดันรายได้รวมปีนี้โตเกิน 10% ด้านโบรกเคาะแนวต้านรอบนี้ต้องเห็น 3.74 บาท

กสทช.คลอดไลเซนส์ 3G แล้ว ชู INTUCH ปันผลงาม-ราคาถูก
กสทช.มีมติออกไลเซนส์ 3G คลื่น 2.1 GHz ให้ ADVANC-DTAC-TRUE ภายใน 7 วันนับจากวันที่ 7 ธันวาคม 2555 มีอายุ 15 ปี และจะเปิดให้บริการกับลูกค้าได้เดือนเมษายน 2556 ด้านโบรกประเมิน 20 ธันวาคมนี้ เอกชนได้ไลเซนส์ แนะ "ซื้อ" INTUCH เป้า 87.75 บาท ADVANC เป้า 252 บาท และ DTAC เป้า 120 บาท แต่ชู INTUCH เด่นสุดด้วยปันผลสูง ส่วนลดจาก Market NAV ถึง 26%

SITHAI จิบอินเดียร่วมทุน เคาะรายได้ปี 56 ทะลุ 9 พันล.
SITHAI เล็งหาพันธมิตรอินเดียร่วมทุน ผุดโรงงานผลิตผงเมลามีน แย้มอยู่ระหว่างเจรจาหลายรายส่วนเป้ารายได้ปีหน้าตั้งเป้าโตทะลุ 9,000 ล้านบาท ฟากโบรกคาดยอดขายโค้งท้ายพีคสุด หลังบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม-อาหาร-สินค้า หนุนโตแรง เทคนิคจับเส้นกราฟส่งซิกมีลุ้นทดสอบไฮเดิมที่ 33.50 บาท แนะ "ซื้อเก็งกำไร"

'TKS' ผนึกพม่าเข้าถือหุ้น 50% กินรวบงานตปท.-ดันมาร์จิ้นพุ่ง
TKS เผยเซ็นสัญญาจอยซ์เวนเจอร์กับนายทุนพม่า โดยเข้าถือหุ้น 50% พร้อมบุกตลาดไอทีและสิ่งพิมพ์เต็มสูบ แถมเนื้อหอมฝรั่งเรียงคิวเจรจาส่งมอบงาน กินรวบมาร์จิ้นเต็มพอร์ต จากเดิมแค่ 20% หนุนงบปี 2556 พุ่งพรวด ด้านไตรมาส 4/2555 รุ่งโรจน์ รับอานิสงส์ช่วงไฮซีซัน

'CCP' วายุภักษ์หนุนงบรุ่งโรจน์ SEAFCO คว้างานยักษ์พม่า 4 ดีล
CCP ส่งซิกรัฐบาลคลอดกองทุนวายุภักษ์ 2 ขนาด 5 แสนล้านบาท ภายในเดือนธันวาคม 2555 นี้ หนุนผลประกอบการกลุ่มรับเหมารุ่งโรจน์ ตุนงานเข้าพอร์ตมือเป็นระวิง ปักธงปี 2556 กำไรก้าวกระโดดด้าน SEAFCO ไม่น้อยหน้าปิดดีลพันธมิตรพม่า พร้อมเดินเครื่องโปรเจ็กต์ยักษ์ 3-4 ดีล

PTTGC ผนึกเปอร์ตามีนาอินโด ตั้งโรงงานปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์

PTTGC จับมือเปอร์ตามีนา ขยายการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรที่มีสายการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำในประเทศอินโดนีเซีย หลังเล็งเห็นความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น และอินโดนีเซียยังนำเข้าปิโตรเคมีสูงถึง 50%

TRCขาขึ้นซดแบ็กล็อกอื้อ ปิดดีลลุยพลังงานQ1ปีหน้า
TRC จ่อปิดดีลลงทุนพลังงานทดแทนไตรมาส 1/2556 กวาดรายได้เข้ากระเป๋าปีละ 100 ล้านบาท แถมรุกเก็บงานใหม่ต่อเนื่อง เสริมรายรับอนาคต พร้อมมั่นใจปี 2555 รายได้ตามฝัน 4 พันล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์ชี้ธุรกิจเข้าช่วงขาขึ้นกอดแบ็กล็อกไตรมาส 3/2555 เต็มมือ 3.4 พันล้านบาท บุ๊กเข้าไตรมาส 4/2555 ที่ 1.4 พันล้านบาท มีลุ้นชนะการประมูลอีกราว 1.1 หมื่นล้านบาทเคาะเป้าไกล 10.00 บาท

ERW ปักธงรายได้ปีหน้าโต 18% อัพกองอสังหาหนุนกำไรกระฉูด
ERW ตั้งธงรายได้ปี 2556 โตเท่าปีนี้ที่คาดขยับ 18% คาดราคาพุ่งต่อเนื่อง หลังนักลงทุนมั่นใจแนวโน้มธุรกิจ-ผลประกอบการยังโต ฟากโบรกส่องธุรกิจโรงแรมดีต่อเนื่อง มองกำไรปี 2556 จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการขายสินทรัพย์ให้กับกองทุนอสังหาในไตรมาส 2/2556 เป็นมูลค่า 1.5-2 พันล้านบาท

QLTอนาคตสดใสกำไรพุ่ง โบรกจับสัญญาณราคาแรง
โบรกส่องกล้อง "QLT" คาดผลงานปี 2556 รายได้พุ่งขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 432 ล้านบาท ส่วนกำไรทะยาน 9% เป็น 98 ล้านบาท หลังยื่นประมูลมูลค่าราว 100 ล้านบาท ลุ้นคว้าได้ 80% แถมมีสิทธิสอยงาน ตรวจสอบท่อก๊าซของกลุ่ม ปตท.อีก 2 เส้นทาง คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/2556

BEAUTY จุดพลุเข้าเทรด มั่นใจเหนือจอง-หุ้นแกร่ง

BEAUTY ประกาศพร้อม เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มั่นใจราคาเหนือราคาจอง 8.00 บาท จากจำนวนหุ้นไอพีโอ 80 ล้านหุ้น หวังดึงเงินขยายธุรกิจในและต่างประเทศ พร้อมขยายสาขาร้าน BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE - ผุดแบรนด์น้องใหม่ MADE IN NATURE ปักธงการเติบโตรายได้ 20% ต่อปี

SCC กางแผน 5 ปี ทุ่มงบ 2 แสนล. ลุยธุรกิจซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง
SCC ออกตัวแรง กางแผนลงทุน 5 ปีข้างหน้า "ทุ่มงบกว่า 2 แสนล้านบาท" ธุรกิจปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และธุรกิจจัดจำหน่าย หนุนมูลค่าสินทรัพย์แกร่ง รองรับขยายตัวภาคก่อสร้างในอาเซียนหลังเปิดประชาคมเสรีอาเซียนปี 2558 แย้มลงทุนก่อสร้างโรงปูนซีเมนต์ โรงไฟฟ้าและลอจิสติกส์ในประเทศพม่ามูลค่าการลงทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเห็นชัวร์

KTAM ปลื้ม กอง HK5 เดือนโต 11%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเคแทม ฮ่องกง อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (HK) ได้เริ่มทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้เป็นที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2555 ราคากองทุน HK ปิดที่ 4.45 ปรับตัวขึ้นมาจากราคาพาร์ 4.00 บาทคิดเป็น 11.25%

ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลผุดโปรโมชั่นอื้อ ส่ง LTF-RMF ทิ้งท้ายปีลดหย่อนภาษี
"เจิดพันธุ์ นิธยายน" บิ๊กซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ขนโปรโมชั่นกอง LTF-RMF ส่งท้ายปี ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี พร้อมรับบัตรกำนัลห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือบัตรกำนัลเทสโก้ โลตัส


สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น


JASตัดหุ้นซื้อคืนทิ้ง! กำไรต่อหุ้นพุ่ง0.30บ. มูลค่าทางบัญชีทะลุ1.25บาท เสนอบอร์ดไฟเขียวพรุ่งนี้
JAS เตรียมเสนอบอร์ดไฟเขียวลดทุนจดทะเบียนพรุ่งนี้(12ธ.ค.) ด้วยวิธีการตัดหุ้นที่ซื้อคืน 106.85 ล้านหุ้นทิ้ง ส่งผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มเป็น 0.30 บาท มูลค่าทางบัญชีเพิ่ม 1.25 บาท ตามประมาณกำไรปีนี้ 2,000 ล้านบาท พร้อม JAS ลุ้นเข้าคำนวณ SET50 ที่ตลท.ประกาศกลางเดือนนี้

PTTEPขึ้นแท่นเบอร์3 มาร์เก็ตแคป6แสนล้าน
"ปตท.สผ." มาร์เก็ตแคปเพิ่มอีก 9.9 หมื่นล้านบาท หลังขายหุ้นเพิ่มทุน 650 ล้านหุ้นหมดเกลี้ยง ช่วยดันมาร์เก็ตแคป รวมพุ่งทะยานเกิน 6 แสนล้านบาท รอขึ้นแท่นอันดับ 3 หุ้นมาร์เก็ตแคปสูงสุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ แซงหน้า (SCB)

SIRIลุ้นกำไร2.74พันล. ลุยโรดโชว์จูงใจต่างชาติ
"แสนสิริ" แย้มไตรมาส 4 รายได้พุ่ง 1.2 หมื่นล้านบาท อานิสงส์บุ๊ครายได้โอนคอนโดกว่า 12โครงการ ดันรายได้ปีนี้เข้าเป้า 2.8หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ใกล้เคียงโบรกฯคาด 2.74 พันล้านบาท เดินสายโรดโชว์ดึงต่างชาติลงทุนเพิ่ม

ANAN หลุดจองรายแรกของปีนี้ต่ำไอพีโอ9.52%
"อนันดาฯ" ไอพีโอน้องใหม่นัมเบอร์ 15 ของปีนี้ เข้าเทรดวันแรก 7 ธ.ค.55 หลุดจองเป็นรายแรก ปิดตลาด 3.80 บาท ลดลง 9.52% จากราคาไอพีโอ 4.20 บาท พรุ่งนี้ลุ้นไอพีโอรายต่อไป BEAUTY ที่จะเข้าเทรดจะยืนเหนือจองได้หรือไม่

บัวหลวงกองหุ้นสุดเจ๋ง ผลตอบแทนสูง60.47%
กองทุนหุ้น บล.บัวหลวง โชว์ผลตอบแทนติดอันดับสูงสุด 1 ใน 10 ถึง 8 กองทุน พบ "กองทุนทศพล" พุ่งกว่า 60% เผยกลบยุทธ์ลงทุน เน้นหุ้นที่อิงกับอัตราการเติบโตของโครงการขนาดใหญ่ และการขยายของเมืองออกไป

SCCทุ่ม2แสนล้านลงทุน5ปี
"ปูนใหญ่" ทุ่ม 2 แสนล้าน ลงทุน 5 ปี (ปี56-60) โฟกัสลงทุนซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง-จัดจำหน่ายมากขึ้น ดันสัดส่วนรายได้แตะ 40% จาก 32% พร้อมลดลงทุนเคมิคอลเหลือ 40% จาก 53% รายได้ปีนี้แตะ 4 แสนล้านบาท ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์โต 10%

ADVANC-DTAC-TRUEยิ้มออก กทค.ไฟเขียวแจกไลเซ่นส์ 3จี-สัปดาห์นี้ได้ชัวร์
3 หุ้นสื่อสาร "ADVANC-DTAC-TRUE" ยิ้มออก หลังกทค.ไฟเขียวแจกไลเซ่นส์ 3 จีแล้ว "เศรษฐพงค์" ระบุสัปดาห์นี้ถึงมือเอกชนแน่! เชื่อใน 2 เดือนนี้เอกชนสามารถให้บริการ 3 จีบนคลื่น 2.1 GHz บางพื้นที่ และขยายพื้นที่ให้บริการวงกว้างได้ เม.ย.56

'เพ้ง'เล็งขึ้นราคาLPG ขาย24.82บาทต่อกก. ทั้งภาคขนส่ง-ครัวเรือน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกระทรวงพลังงานได้ศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างราคา LPGทั้งระบบ โดยราคาแอลพีจีครัวเรือนและภาคขนส่งปี 2556 จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม

PSยอดขาย11เดือน2.6หมื่นล้าน แบ็กล็อก3.5หมื่นล้านกินยาว3ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลประกอบการช่วง 11 เดือนปีนี้ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS มียอดขายประมาณ 2.6 กว่าหมื่นล้านบาท จาก 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายที่ 2.06 หมื่นล้านบาท โดยช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มอีกประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท

BEAUTYมั่นใจเทรดวันแรกฉลุย ยืนเหนือไอพีโอ 8 บาท ย้ำรายได้ปีนี้เติบโต 20%

"บิวตี้ คอมมูนิตี้" มั่นใจเทรดวันแรก 12 ธ.ค.นี้ฉลุย ยืนเหนือราคาไอพีโอ 8 บาท เชื่อพื้นฐานทางการเงินแข็งแกร่ง คาดยอดขายและรายได้ปีนี้เติบโต 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 615 ล้านบาท เดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม

PTTGCเซ็นMOU เปอร์ตามีนา ศึกษาลงทุน"ปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์"ในอินโดนีเซีย
"PTTGC" เซ็นเอ็มโอยูกับ "เปอร์ตามีนา" บริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซีย ศึกษาการร่วมลงทุนสร้างปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรในอินโดนีเซีย รองรับความต้องการของประชากรเกือบ 300 ล้านคน และขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน

เร่งสร้างมอเตอร์เวย์ เส้นบางปะอิน-โคราช คมนาคมคาด1ปีเห็นผล

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จะเร่งรัดโครงการก่อสร้างทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บางปะอิน-โคราช และเส้นทางเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์ สีคิ้ว-โคราช ให้เป็นรูปธรรมภายใน 1 ปีจากนี้ เพราะถือเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทางออกต่างจังหวัดและมีแผนจะดำเนินโครงการมานานมากแล้ว

ปีหน้าราคาทองคำลดลง โกลด์แมนฯคาดเหลือราว 1,750 ดอลลาร์ ต่อออนซ์
โกลด์แมน แซคส์ ชี้ วงจรราคาทองคำในขณะนี้น่าจะเปลี่ยนทิศทางในปีหน้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงสูงขึ้นเพราะการเติบโตที่ดีขึ้น ช่วยชดเชยการขยายงบดุลเพิ่มจากธนาคารกลางสหรัฐ โดยได้ลดประมาณการราคาทองในช่วง 3 ,6 และ 12 เดือนข้างหน้าลงเหลือ 1,825 ,1805 และ 1,800 ดอลลาร์ต่ออนซ์ตามลำดับ จากที่ในขณะนี้ราคาทองอยู่ใกล้ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

โพลล์หวั่นแก้ รธน.แล้ววุ่น เกิดชุมนุมการเมือง แนะควรถามปชช.ก่อน
เอแบคโพลล์ระบุประชาชนส่วนใหญ่ที่สำรวจความเห็น มองว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น และคาดว่าจะมีการชุมนุมทางการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาลในปี 56

ค่ายประกันภัยลูบปาก รอขายประกันมือถือเครือข่ายล่ม
ธุรกิจประกันภัยส้มหล่นเรียกรีอินชัวร์เรอส์เข้าหารือ เตรียมแผนคว้าธุรกิจโทรคมนาคมที่ได้ 3G เข้าพอร์ตเพิ่ม หลัง กสทช. เปิดทาง กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาต 3G ซื้อประกันความเสียหายกรณีเครือข่ายล่มเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในอนาคต

'เคทีบีลีสซิ่ง' ตั้งเป้าแรง สินเชื่อปีหน้าขยับ50%
เคทีบีลีสซิ่ง ปรับกลยุทธ์ธุรกิจเตรียมทำตลาดนอกประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการศึกษา ส่วนเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อธุรกิจเช่าซื้อปีหน้า ตั้งเป้าเพิ่ม 50 % จากสิ้นปี 55 ที่มียอดสินเชื่ออยู่ที่ 34,000 ล้านบาท ส่งผลให้สิ้นปี 56 มียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาทแทน

KTAM ปลื้มกองHKโต11%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่ากองทุนเปิดเคแทม ฮ่องกง อีทีเอฟ แทร็กเกอร์(HK) ได้เริ่มทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้เป็นที่น่าพอใจ โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2555 ราคากองทุน HK ปิดที่ 4.45 ปรับตัวขึ้นมาจากราคาพาร์ 4.00 บาทคิดเป็น 11.25%

'ทีเอ็มบี' ตื่นตูมบอกคนรูดปรื๊ดยอดหนี้ท่วมหัว
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ออกโรงเตือนผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตในช่วงเทศกาลปลายปี เพราะตัวเลขยอดบัตรเครดิตอาจพุ่งกว่าร้อยละ 30 หรือ 3.5 หมื่นล้านบาท แนะผู้บริโภคควรรูดอย่างมีสติ ควบคุมการใช้จ่าย และเลี่ยง "5 พฤติกรรมเสี่ยง" สู่ความเป็นหนี้

'กสิกรไทย'ปันผล7กองทุน รวมกว่า 450 ลบ.-เริ่มจ่าย 12-19 ธ.ค.นี้
บลจ.กสิกรไทย เตรียมข่ายปันผล 7 กองทุน มูลค่ากว่า 450 ล้านบาท มีทั้งกองทุนอสังหาฯ กองทุนหุ้น

'ไทยพาณิชย์'ชี้ดบ.ลงอีก ดัชนีตลาดหุ้นแรลลี่ยาว
นายศรชัย สุเนต์ตา รองกรรมการผู้อำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะสดใสต่อเนื่องไปในปี 2556 แม้สำนักวิจัยต่างๆ จะมองว่าเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอลงในปี 56 แต่ผลสำรวจนักวิเคราะห์กลับมองว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะยังขยายตัวได้ ประมาณ 15-20% ในปี 56 สูงกว่าอัตราการขยายตัวในปี 55 เล็กน้อย

"TCAP-KK-TISCO"กอดคอโต เหตุสินเชื่อรถเกื้อหนุนลากยาวปี56
3 แบงก์เช่าซื้อรับอาณิสงส์ภาษีรถคันแรก พ่วง Motor Expo คาดจบงานทะลุเป้า 5 หมื่นคัน ดันสินเชื่อรถยนต์เติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องถึงครึ่งปีหน้า 56 เคาะ TCAP บวกมากสุด ด้านผู้บริหารเผยอยู่ระหว่างทำแผนธุรกิจปีหน้า เดินหน้ารักษาเจ้าตลาด โบรกชี้ "TCAP-KK-TISCO" ฉายแสงเด่น


สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


ปีนี้โรงงานปิดหนีต้นทุนพุ่งนับพันราย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ในช่วง 10 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) มีโรงงานอุตสาหกรรมที่จำหน่ายทะเบียนต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือขอปิดกิจการรวม 904 ราย เพิ่มขึ้น 179 รายจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการปิดกิจการ 725 ราย มูลค่าลงทุนรวม 27,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,126 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าลงทุน 8,448 ล้านบาท และเลิกจ้างงาน 28,164 คน เพิ่มขึ้น 10,157 คนจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีการเลิกจ้าง 18,007 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงมาก แต่หากเทียบกับข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี พบว่าการปิดกิจการปีนี้ไม่น่าห่วงมากนัก โดยปี 52 ที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐฯ มีโรงงานในไทยปิดกิจการ 1,298 ราย มูลค่า 24,941 ล้านบาท เลิกจ้าง 40,715 คน ในปี 53 ปิด 1,935 ราย มูลค่า 25,989 ล้านบาท เลิกจ้าง 46,469 คน และปี 54 ปิด 916 ราย มูลค่า 11,586 ล้านบาท และเลิกจ้าง 21,606 คน

อียูเตือนไทยลอบส่งออกพืชทางไปรษณีย์เปิดเว็บไซต์ขาย!ไร้ใบรับรองปลอดศัตรูพืช
นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตลอดปี 55 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ได้แจ้งเตือนปัญหาการลักลอบส่งออกต้นพันธุ์พืช กิ่งพันธุ์ และพืชเพื่อปลูกทางไปรษณีย์จากไทยส่งไปยังอียู โดยไม่มีใบรับรองปลอดศัตรูพืชรวมกว่า 30 ครั้ง มีหลายชนิด เช่น กระบองเพชร กิ่งลีลาวดี ต้นชวนชม ต้นปิศาจทะเลทราย และต้นกระดาด ถือเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน อาจกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศ ทั้งยังถูกตรวจสอบการนำเข้าเข้มงวดยิ่งขึ้น และกระทบต่อการส่งออกสินค้าพืชโดยรวมได้ ทั้งนี้ หลังได้รับการแจ้งเตือนจากอียู กรมฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตรวจสอบแหล่งที่มาของปัญหา พบว่ามีการเปิดเว็บไซต์ซื้อขายต้นพันธุ์ กิ่งพันธุ์ และพืชเพื่อปลูกผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยผู้ขายจะจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อในต่างประเทศครั้งละ 1-7 ต้น แต่ไม่ได้ขอใบรับรองปลอดศัตรูพืชกำกับสินค้าที่ส่งออก

"ณัฐวุฒิ" ขอโชว์มีกึ๋นปราบปรามของเถื่อน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 11 พ.ย.นี้ จะประชุมหน่วยงานรัฐและเอกชน เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บริษัทเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อจัดทำแนวทางและแผนปฏิบัติการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และรณรงค์การใช้สินค้าไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยจะบูรณาการความร่วมมือแต่ละหน่วยงาน บูรณาการกฎหมายที่จะบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และบูรณาการเครือข่ายในแต่ละหน่วยงานให้เกิดประโยชน์ต่อการป้องปรามการละเมิด ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพพจน์ของไทย และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตาเป็นพิเศษด้านทรัพย์สินทางปัญญา (พีดับเบิลยูแอล) ที่จะประกาศผลการทบทวนในเดือน เม.ย.56

พาณิชย์ทำเข้มไล่ตรวจสอบ "นอมินี"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำแนวทางและมาตรการในการป้องปราบการกระทำอันมีลักษณะเป็นการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้กำหนดแนวทางในการป้องปรามนอมินีไว้ 2 แนวทาง โดยจะมีการตรวจสอบตั้งแต่ก่อนรับจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ และตรวจสอบหลังจากจดทะเบียนจัดตั้งไปแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจที่คนไทยยังแข่งขันไม่ได้ หรือทำธุรกิจที่สงวนไว้ให้กับคนไทย

"ซีทีเอช" อัดแน่น 120 ช่อง บุกฮ่องกงซื้อรายการสถานีเศรษฐี "ลีกาชิง"
ซีทีเอชจับมือเครือข่าย PCCW ของมหาเศรษฐีฮ่องกง "ลี กา ชิง" ซื้อรายการ now TV เสริมทัพออกอากาศหลังคว้าพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลหน้าเรียบร้อย มั่นใจความพร้อมออกอากาศ 120 ช่องรายการ ก่อนรีแบรนด์ครั้งใหญ่เดือน ก.พ.ปีหน้า

นักวิชาการจี้ กสทช.คุมให้ถูกจุด แนะตามจิกคุณภาพบริการดีกว่า
นายวีระชาติ กิเลนทอง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการประเมิน และการออกแบบนโยบาย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าหลังจากศาลปกครองกลางมีมติไม่รับคำฟ้องผู้ตรวจการแผ่นดินที่ยื่นฟ้องสำนักงาน กสทช. ต่อกรณีการประมูลคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เพื่อออกใบอนุญาต 3 จีว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นอำนาจของศาลที่พิจารณาและทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลเพื่อให้เมืองไทยได้มีบริการ 3 จี ทั้งนี้คาดว่าเมื่อไทยมีระบบสัญญาณ 3 จีที่สมบูรณ์แล้ว เรื่องที่จะมีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือบริการ Internet Banking เพราะสะดวกและผู้ใช้บริการไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารเหมือนในปัจจุบัน

อุตสาหกรรมภูธรล้ม"พยุงศักดิ์"ส.อ.ท.นัดประชุมวาระพิเศษวันนี้บี้ลาออก!
ส.อ.ท.จัดประชุมคณะกรรมการบริหารวาระพิเศษ 11 ธ.ค.นี้ หวังบี้ให้ "พยุงศักดิ์" ลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่กลุ่มสภาอุตสาหกรรมภูธร แสดงจุดยืนหนุน "สุชาติ" รองประธานอาวุโส ลงชิงชัยตำแหน่ง 24 ธ.ค.นี้ ด้าน กรอ.เตรียมประชุม 14 ธ.ค. หามาตรการเยียวยาเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท

"กรุงไทยลีสซิ่ง" ลุยเต็มสูบ
นายภิญญา วัฒน์จันทรกานตานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด ในเครือธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2556 ว่า ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 30,000 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิ 16,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 50% จากสิ้นปี 55 ที่มียอดสินเชื่ออยู่ที่ 34,000 ล้านบาท "สินเชื่อของบริษัทในปี 55 เติบโต 100% ปี 56 ตั้งเป้าเติบโตอีก 50% และปี 57-58 จะรักษาอัตราการเติบโตไว้ปีละ 25-30% และตั้งเป้าควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ให้เกิน 2% จากปัจจุบันมียอดเอ็นพีแอลที่ 1%"

ปตท.จัดทัพธุรกิจรับเออีซี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กำลังเร่งปรับโครงสร้างองค์กร ปตท.เพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจที่จะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 ซึ่งเป้าหมายของ ปตท.ต้องการเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติและก้าวสู่การเป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติ โดยมีแผนปรับลดขนาดและปรับโครงสร้างองค์กร 39 บริษัทในเครือให้เหลือเพียง 29 บริษัทจากบริษัทในเครือทั้งหมด 250 บริษัท

ป.ป.ช.สอบขายข้าวรัฐบาล"มาร์ค"เอื้อผู้ส่งออกบางรายขายราคาต่ำทุจริตอาญาทำชาติเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่าหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบข้อมูลการทุจริตการขายข้าวในรัฐบาลชุดก่อนและได้กล่าวหานายอถิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวกรวม 4 คน กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเกี่ยวกับการอนุมัติให้ความเห็นชอบขายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลในราคาต่ำกว่าราคาตลาดและเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้ส่งออกบางราย โดยไม่มีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป อันเป็นการกีดกันบริษัทผู้ส่งออกอื่นไม่ให้เสนอราคาแข่งขันอย่างเป็นธรรม ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการและได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมมายังกระทรวงพาณิชย์นั้น ขณะนี้ กระทรวงอยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลเพื่อส่งให้ ป.ป.ช.ตามที่ได้ร้องขอ

"เกษร พร็อพเพอร์ตี้" ลุยเข้ม ผุดคอนโดมิเนียมหรูลักชัวรี่กลางกรุงกระหึ่มลั่น!
นายฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะระดับลักชัวรี่ เติบโตต่อเนื่องปีละประมาณ 6-7% โดยบริเวณย่านใจกลางเมือง และรอบนอกเติบโต 11% ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองมีเพิ่มขึ้น ประกอบกับแบรนด์ต่างๆ ทำการสื่อสารประชาสัมพันธ์แบบครบวงจรมากขึ้น ผู้บริโภคใส่ใจในรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้น อาทิ คุณภาพของวัตถุดิบ ขั้นตอน และการตรวจเช็ก หรือเทคโนโลยีการก่อสร้าง เป็นต้น จึงทำให้บริษัทเร่งรุกผุดโครงการ "MODE-โหมด สุขุมวิท 61" คอนโดมิเนียมหรูระดับลักชัวรี่ สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 160 ยูนิต มูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท ในย่านเอกมัย บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่เต็มสูบ เพื่อรองรับลูกค้าและตอบสนองคุณภาพในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดหรือที่เรียกว่า "รีไฟน์ ควอลิตี้ ลิฟวิ่ง- Refine Quality Living"

รถยนต์คันแรกทะลุ 7 แสนคัน
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.55 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรก กรมสรรพสามิตจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. สำหรับสรรพสามิตในพื้นที่กรุงเพทฯ ส่วนสรรพสามิตในพื้นที่ต่างจังหวัด จะยังให้บริการตามเวลาราชการปกติ นอกจากนี้วันที่ 31 ธ.ค.ซึ่งตรงกับวันสิ้นปี และยังเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่องถึงปีใหม่ด้วยนั้นได้สั่งการให้สรรพสามติพื้นที่กรุงเทพฯ เปิดให้บริการตามปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


คลังชงแผนแก้หนี้นอกระบบถาวร
คลอดกม.ขึ้นทะเบียนเจ้าหนี้-"ตีรณ"ห่วงมือเติบทุกกลุ่ม
สศค.เตรียมคลอดแพ็กเกจแก้หนี้นอกระบบระยะสั้นจะดึงแบงก์รัฐเปิดช่องให้ลูกหนี้กู้ไปจ่ายเจ้าหนี้หน้าเลือดไม่เกินรายละ 1 หมื่นบาทดอกเบี้ยพิเศษ ส่วนระยะปานกลาง-ยาว เล็งขึ้นทะเบียนเจ้าหนี้นอกระบบ ด้าน "ตีรณ" ห่วงหนี้สินประเทศเพิ่มทุนภาคส่วนพุ่งแตะ 230% ของจีดีพีสูงกว่าก่อนวิกฤติปี 40

ระนองป่วนแรงงานพม่าขอปรับ300บ.
แรงงานพม่าใน จ.ระนอง ดึงเครือข่ายสมาพันธ์แรงงานขอรับสิทธิ์ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทเท่ากับแรงงานไทย อ้างค่าครองชีพสูง ขู่นายจ้างหากเมินข้อเรียกร้อง เตรียมอพยบกลับบ้านเกิด ด้านผู้ประกอบการชี้ 230 บาทเหมาะสมสุด

ศรีสวัสดิ์ฯใจป้ำให้"ตลาดสด"กู้เล็งเปิดตัวปี56
ศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ เอาใจรากหญ้าหันรุกสินเชื่อตลาดสดเจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าหลังซุ่มศึกษามานาน 2 ปี คาดเปิดตัวได้ปีหน้า

คลังเล็งกู้เงินนอกโปะลงทุนน้ำ
คลังเตรียมแผนออกแยงกี้บอนด์ วงเงิน 3-6 หมื่นล้านบาท ใช้ลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ หวังเป็นหัวหอกนำภาคเอกชนออกไปกู้เงินตลาดต่างประเทศในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


คลอดแผนแก้หนี้นอกระบบ คลังจูงใจแบงก์รัฐช่วยลูกค้าเยอะทำงานมีคุณภาพ
สศค.จ่อคลอดแพ็กเกจแก้หนี้นอกระบบ ระบุระยะสั้นเล็งดึงแบงก์รัฐเปิดช่องทางให้ลูกหนี้เข้าถึงแหล่งทุนเป็นการถาวร พร้อมรายงานความคืบหน้าเป็นรายเดือน และกำหนดให้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน ขณะที่ระยะปานกลาง-ยาว เตรียมนำกฎหมายวางกรอบการปล่อยสินเชื่อของเจ้าหนี้นอกระบบ

หนุนเอสเอ็มอีไทยลุยเวียดนาม
นายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมเบื้องต้น (GDP) ของเวียดนาม มาจากภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 41.1% รองลงมาคือ จากภาคธุรกิจบริการ 38.3% และภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วน 20.6% ตามลำดับ และแม้ว่าเวียดนามจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเช่นเดียวกับนานาประเทศทั่วโลก แต่สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม (General Statistics Office : GSO) ก็รายงานว่า ในปี 2555 นี้ เวียดนามมีแนวโน้มที่จะเกินดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2555 เกินดุลการค้าแล้ว 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับอานิสงส์จากมูลค่าส่งออกสินค้าไฮเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติรายใหญ่

'ณัฐวุฒิ' สอบนอมินีต่างชาติสวมทำธุรกิจ
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำแนวทางและมาตรการในการป้องปราบการกระทำอันมีลักษณะเป็นการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้กำหนดแนวทางในการป้องปรามนอมินีไว้ 2 แนวทาง โดยจะมีการตรวจสอบตั้งแต่ก่อนรับจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ และตรวจสอบหลังจากจดทะเบียนจัดตั้งไปแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจที่คนไทยยังแข่งขันไม่ได้ หรือทำธุรกิจที่สงวนไว้ให้กับคนไทย

ม็อบไร่อ้อยลั่นบุกก.อุตฯ 11 ธ.ค.
ชาวไร่อ้อยสุดทน ก.อุตสาหกรรมสับขาหลอกไม่พิจารณาอนุมัติให้ รง.4 โรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ 4 แห่งตามกำหนด 7 ธ.ค. เตรียมนัดถก 11 ธ.ค.นี้ กำหนดวันดีเดย์นำอ้อยใส่รถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯ มาเทหน้ากระทรวงอุตฯ รวมถึงบ้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประท้วงเหตุจะทำชาวไร่อ้อยนับหมื่นครอบครัวเสียหายตัดอ้อยไม่ได้คิดเป็นมูลค่า 5-6 พันล้านบาท

Dealfish บุกตลาดภาคเหนือ
นายทิวา ยอร์ค กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ บริษัท สนุกออนไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า "dealfish.co.th คือ แหล่ง/พื้นที่พบปะซื้อ-ขายสินค้า และบริการออนไลน์ที่เน้นการเชื่อมโยงระหว่างบุคคลกับบุคคล (P2P) ตามพื้นที่ในประเทศไทย ที่สนุก! ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ดังนั้น จึงมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น เพื่อเจาะตลาดเข้าสู่กลุ่มจังหวัดหัวเมืองต่างๆ ของประเทศไทย เริ่มต้นด้วยจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้งานผ่าน chiangmai.dealfish.co.th

Longdo Map แผนที่อัจฉริยะพันธุ์ไทย
ดร.วุฒิชัย อัมพรอร่ามเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมตามีเดีย เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า "Longdo Map 2013 คือแผนที่อัจฉริยะสัญชาติไทย ให้บริการเว็บไซต์แผนที่ออนไลน์ของประเทศไทยและโลก สามารถดูแผนที่ ค้นหาสถานที่กว่า 500,000 แห่ง วัดระยะทาง คำนวณพื้นที่ และรายงานการจราจรแบบ real- time รวมถึงเปิดพื้นที่ในการสร้าง "Thailand Community Online Network" ที่สำคัญสามารถนำเทคโนโลยีของแผนที่ไปต่อยอดประยุกต์ใช้กับภาคธุรกิจต่างๆ ได้ และในปี 2556 ได้มีการปรับโฉมใหม่ในด้านต่างๆ ตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยได้อย่างแท้จริง


สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


'ประชานิยม' ดันหนี้ครัวเรือนพุ่ง' ปล่อยกู้ง่าย-ดอกเบี้ยต่ำ' สร้างแรงจูงใจ
คลังเตรียมเสนอสูตรเดิมใช้กลไกแบงก์รัฐแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
นักเศรษฐศาสตร์ห่วงหนี้ประเทศขยับสูงต่อเนื่อง ภาคครัวเรือนน่าห่วง เหตุดอกเบี้ยต่ำ-นโยบายประชานิยม ส่งผลให้ก่อหนี้ง่าย ด้านสถาบันการเงินรอประเมินมาตรการรัฐดูแลปล่อยกู้ ยันทำตามเงื่อนไขเคร่งครัดกรุงศรีฯ เผยสินเชื่อรายย่อยโต 11% สูงกว่าจีดีพีสองเท่า

'เปรมชัย'โอดนิคมฯทวายช้ารอผลศึกษาไทย-พม่า 'ก.พ.56'
"เปรมชัย"รอรัฐบาล"ยิ่งลักษณ์"ลงนามพม่าเดินหน้านิคมฯทวาย ชี้โครงการล่าช้ามาแล้ว 8 เดือน เตรียมเปิดขายพื้นที่ใน 2 เดือน เตรียมเปิดขายพื้นที่ใน 2 เดือนนี้ เผยมีกลุ่มอุตสาหกรรมกว่า 100 รายสนใจ สิ่งทอมากที่สุด "ชัชชาติ" คาดสรุปแผนเสร็จเดือนก.พ.ปีหน้า ยันรัฐบาลหนุนเต็มที่

แห่ใช้สิทธิจอง 'รถคันแรก' มอเตอร์เอ็กซ์โปทะลุ 8 หมื่น
ปิดฉากมหกรรมยานยนต์เกินเป้า คาดยอดจองพุ่ง 8.3 หมื่นคัน แห่ซื้ออีโคคาร์มากที่สุด จับตาปีหน้าค่ายรถแข่งเดือด รักษาฐานลูกค้า ลดผลกระทบตลาดรวมสะดุด หลังจากหมดโครงการรถคันแรก มาสด้าชี้บริหารการผลิต ตลาดง่าย หลังรู้ความต้องการที่แท้จริง

เฟดเล็งขยายแผนกระตุ้นศก.
เฟดจ่อขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมอังคาร-พุธ นี้ ชดเชย "โอเปอเรชันทวิสต์" ที่จะหมดอายุสิ้นปี ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นไม่มาก เหตุตัวเลขว่างงานสูงกว่า 7% แถมปัญหา "หน้าผาการคลัง" ยังแก้ไม่ได้


สรุปข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ลุย 'หั่นงบ 'รักษาขรก. คุมเบิกยาลดไขมันในเลือด
ชมรมพิทักษ์สิทธิฯหวั่นกระทบวงกว้างแนะให้หมอวินิจฉัย
กรมบัญชีกลางเดินหน้าลดค่ารักษาระบบสวัสดิการข้าราชการ หลังคุมเบิกจ่ายยาแก้ข้อเข่าเสื่อมสำเร็จแค่ 1 ปีค่ายาลดฮวบจาก 600 ล้านเหลือไม่ถึง 10 ล้าน ผอ.หลักประกันสุขภาพไทย เผยเตรียมคุมเบิกจ่ายยาลดไขมันเพิ่มภายในเดือน ธ.ค.เหตุใช้งบถึงปีละ 1.4 พันล้านบาท คาดคุมทั้งระบบ 9 กลุ่มประหยัด 5 พันล้าน

พรรคร่วมชู 3 เจตนารมณ์แก้รธน.
4 พรรคร่วมรัฐบาล ผนึกประกาศเจตนารมณ์ 3 ข้อลุยแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ดึงประชาชนมีส่วนร่วมยกร่าง เปิดโอกาสตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกองค์กรอย่างเต็มที่ "ประธานรัฐสภา" เตือนสติมีถนนคอนกรีตให้เดิน ทำไมต้องไปเดินทางลูกรัง ด้านปชป.เรียกร้องนายกฯ ใช้อำนาจยับยั้งรื้อรธน. เพื่อความสงบของบ้านเมือง

สวนปาล์มใต้ชุมนุมจี้นายกฯแก้ราคาตก
สมาคมชาวสวนปาล์ม 10 จังหวัดภาคใต้ สุดทนเตรียมส่งตัวแทนเข้าพบนายกรัฐมนตรี 60 12 ธ.ค.นี้ ยื่น 7 ข้อเรียกร้องให้เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ขณะที่สมาชิก 2-3 หมื่นคน ชุมนุมใหญ่ที่สหกรณ์โคออปสุราษฎร์ธานี รอฟังคำตอบ ขีดเส้นภายใน 18 ธ.ค.ต้องรู้ผล ชี้เป็นความเดือดร้อนของเกษตรกร ไม่เกี่ยวการเมือง

กลุ่มกรีนยื่นปปช.สอบนายกฯ-รมต.ทักษิณออกช่อง11
"กลุ่มกรีน" เตรียมยื่น ป.ป.ช.สอบ "ยิ่งลักษณ์ -ศันสนีย์- ผอ.เอ็นบีที" สมรู้ร่วมคิดให้ "ทักษิณ" ออกช่อง 11 โต้การเมือง ด้าน ปชป.เล็งยื่นผู้ตรวจฯ สอบคนสั่งให้ถ่ายทอดสด ขณะที่ รมต.คุมสื่อ อ้างไม่รู้ล่วงหน้า ด้าน เจ้าหน้าที่กรมประชาฯ ปูด บ.เวย์ บียอน55 ซื้อสัญญาณถ่ายทอดสด ขณะที่ "ชัยสิทธิ์" ยันทักษิณมีสิทธิแจงข้อกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูง เผยเป็นคนออกเงินเช่าเวลา ด้าน เสธ.อ้าย ยันคลิปหมิ่นเป็นของจริงไม่ได้ตัดต่อ พร้อมชุมนุมอีกครั้ง 6หากมีขบวนการจาบจ้วงสถาบัน

สรุปข่าวเศรษฐกิจ การเงิน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


เอ็มทีเอส หยุดซื้อขายอีทีเอฟ ลูกค้าเมินเทรด-ขาดสภาพคล่อง
โบรกอนุพันธ์อ่วมปีนี้ ตลาดซบต้นทุนพุ่ง ต้องใช้เงินลงทุนระบบเพิ่มอีก
เอ็มทีเอส หยุดส่งคำสั่งซื้อขายอนุพันธ์ อีทีเอฟ ผู้บริหารยอมรับหยุดจริง แจงลูกค้าไม่นิยม ทำให้สภาพคล่องไม่มี ขณะเดียวกันบริษัทมีความเชี่ยวชาญในตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์มากกว่า อยู่ระหว่างเตรียมการพัฒนาระบบเทรดให้สอดคล้องกับทีเฟ็กซ์ เพื่อรองรับระบบอาเซียน ลิงค์ ด้านโบรกอนุพันธ์อ่วม ปีนี้ตลาดซบต้นทุนพุ่งต้องใช้เงินลงทุนระบบเพิ่มอีก

'ศรีสวัสดิ์' รุกสินเชื่อตลาดสด
"ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ" ประกาศรุกตลาด ไมโครไฟแนนซ์ เจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียน เปิดทางให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ระบุช่วงนี้เป็นช่วงทดลอง ประเดิมสินเชื่อตลาดสดกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมโชว์คว้ารางวัลระดับโลกมาครอง

'อมตะ' ตั้งเป้า 5 ปียอดขายโต 20%
อมตะตั้งเป้ายอดขายที่ดินโตปีละ 20% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า รายได้ของโรงงานในนิคมฯเพิ่มเป็น 20% ของจีดีพีประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ 8% ชี้นักลงทุนจากญี่ปุ่น-จีนเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่ม เพื่อขยายฐานการผลิตเข้าสู่อาเซียน ดึง "ยรรยง พวงราช" อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์มาช่วยพัฒนาบริษัท สร้างคนรองรับเปิดเออีซี

สรุปข่าวหุ้น-การเงิน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


'ดีเอ็นเอ'เตรียมเข้าเทรด21ธ.ค.โบรกเกอร์ประเมินช่วงราคาขายไอพีโอ 2.4-2.7 บาท
ระบุรุกสร้างแพลทฟอร์มใหม่-หาพันธมิตรเสริมคอนเทนท์ รองรับความต้องการ ในอนาคต
"ดีเอ็นเอ 2002" เผยบทวิเคราะห์ประเมินช่วงราคาไอพีโอ 2.4-2.7 บาทต่อหุ้น เล็งสรุปราคาวันนี้พร้อมส่วนลด 30-35% มั่นใจรายได้ปีนี้ 1.4-1.5 พันล้านบาท ปีหน้าคาดรายได้ 2 พันล้านบาท เดินหน้าสร้างแพลทฟอร์มใหม่-หาพันธมิตรเสริมคอนเทนท์รองรับความต้องการในอนาคต

โซลูชั่นชู'บ.ย่อย' รับงานเอกชนเพิ่ม ยันปี56รายได้40%
โซลูชั่น คอนเนอร์ยันรายได้ปีหน้าโต 30-40% ปรับ แผนใช้บริษัทย่อยหางานมากขึ้นหวังดึงงาน เอกชนเพิ่ม-ลดสัดส่วนงานรัฐเหลือ 50% หลังพบความเสี่ยงงบล่าช้า รับปีนี้รายได้ต่ำเป้าเหลือ 200 ล้านบาท

กรุงศรีฯรุกบริการ'ออนไลน์-มือถือ'เพิ่ม
"แบงก์กรุงศรี" เผยปีหน้ามุ่งสู่ Virtual Bank หรือแบงก์ออนไลน์ เล็งขยายช่องทางออนไลน์และบริการผ่านมือถือเพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้าเพิ่มธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ให้เพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว จากปัจจุบันที่มี 2-3 ล้านรายการต่อเดือน ส่วนสาขาใหม่เล็งเปิดเพิ่มอีก 50 แห่งทั่วประเทศ

ไทยพาณิชย์เผยปีหน้างดรุกสินเชื่อ-เน้นค่าต๋ง
ไทยพาณิชย์เผยปีหน้าไม่เน้นรุกสินเชื่อ แต่ขอรุกสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมแทนหวังเพิ่ม สัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเป็น 50%

สรุปข่าวธุรกิจการตลาด หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ผู้ผลิตทีวีรุกพัฒนา'แอพ'รับกระแสอินเทอร์เน็ตทีวี
กระแสอินเทอร์เน็ตทีวีแรงต่อเนื่อง โซนี่- ซัมซุง เร่งผนึกคอนเทนท์โปรวายเดอร์พัฒนาแอพพลิเคชั่นชิงตอบโจทย์ลูกค้า เร่งอัดแคมเปญหวังกระตุ้นกำลังซื้อท้ายปี

โรสมีเดียเล็ง'ทีวีดิจิทัล'ช่องเด็กขยายช่องทางรับชมแก๊งการ์ตูน
โรสมีเดีย จ่อประมูลทีวีดิจิทัลช่องเด็ก มั่นใจคอนเทนท์ลิขสิทธิ์การ์ตูนแข็งแกร่ง พร้อมขยายช่องทางรับชมช่องแก๊ง การ์ตูนผ่านสื่อดิจิทัลสิ้นปีหวังรายได้โต 20%


สรุปข่าวตลาดเงิน-ตลาดทุน หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน


เล็งคลายกฎดันคนไทยลงทุนนอกคาดไม่เกินต้นเดือนมกราฯพร้อมใช้

ธปท.จ่อออกมาตรการไล่เงินออกเพิ่มเติมอีกรอบ คาดปลายเดือนธ.ค.หรือไม่เกินต้นเดือน ม.ค.นี้ ถือเป็นล็อต 2 ของแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายปี 55-56 ขณะเดียวกันประเมินผลของมาตรการผ่อนคลายออกไป หวังเป็นแนวทางพัฒนามาตรการผ่อนคลายใหม่เพิ่มเติมต่อไป พร้อมกันนี้สร้างความเข้าใจ เพื่อให้คนไทยลงทุนเมืองนอกเพิ่มขึ้น

ศก.ยุโรป-USซบกระทบSPPTผู้บริหารมั่นใจปีหน้าเข้าสู่ปกติ
ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท อ่อยไตรมาส 4 ผลงานทรุด เหตุเศรษฐกิจยุโรปสหรัฐฯ อึมครึม แถมปัญหาจีนญี่ปุ่น ทำออเดอร์หาย ยันปีนี้ปลื้มผลงานสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา แม้เป็นเงินจากรายการพิเศษ ประเมินปีหน้ารายได้ 700 ล้านบาท เชื่อไตรมาสแรกกลับสู่ปกติ ลูกค้าเก็บวัตถุดิบเข้าสต๊อกหลังออเดอร์ซบมานาน เผยจากนี้งาน NON-HDD เป็นพระเอกพร้อมปรับสัดส่วนรายได้ให้ HDD ต่ำลงจากเดิม

'กรุ๊ปลีส'คาดปี56ยอดสินเชื่อโต30%สั่งบริษัทลูกสิงคโปร์ระดมทุนซื้อกิจการเวียดนาม
"กรุ๊ปลีส" มั่นใจปี 2556 ยอดปล่อยสินเชื่อมอเตอร์โตอีก 30% หลังปีนี้ทะลุ 7,000 คัน/เดือน ด้านผู้บริหารตั้งเป้าใหม่ที่ 10,000 คัน/เดือน ส่วนธุรกิจที่กัมพูชาไปได้สวยจับมือ Honda NCX เจ้าตลาด เขมร ปูพรมตั้งศูนย์ปล่อยสินเชื่อในโชว์รูม 36 แห่งทั่วประเทศหวังฟัน 25% จากยอดขาย 200,000 คัน พร้อมเล็งเทกโอเวอร์ลีสซิ่งมอเตอร์ไซค์ในเวียดนาม โดยใช้บริษัทลูกในสิงคโปร์ระดมทุนเข้าซื้อ

ทริสฯคงอันดับเครดิต-หุ้นกู้"โทลล์เวย์"
ทริส ฯ ปรับอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรและหุ้นกู้ "ทางยกระดับดอนเมือง" คงเดิมที่ A- และแนวโน้ม คงที่ "ผู้บริหาร" ปลื้มที่รักษาเครดิตไว้ได้ สะท้อนความแข็งแกร่งด้านสถานะทางการเงิน ความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีในการดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลากว่า 18 ปี มั่นใจหลังเปิดใช้สนามบินดอนเมือง ความต้องการใช้ทางยกระดับและปริมาณจราจรจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สรุปข่าว Investment หนังสือพิมพ์โลกวันนี้


ระยะสั้นทองคำขาลง
ออสสิริสฯระบุระยะสั้นราคาทองคำอยู่ในช่วงขาลง ส่วนระยะกลางเป็นขาขึ้น แนะรอราคาย่อลงมาเพื่อซื้อสะสม ชี้หากราคาหลุด 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสขึ้นแรง

กรุงศรีทุ่ม100ล.ติดตั้งSimple Q
นายแดน ฮาร์โซโน ประธานเจ้าหน้าที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ธนาคารได้ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ "Simple Q" กว่า 600 เครื่องทั่วประเทศ ด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ลดเวลาการทำธุรกรรมฝาก ถอน โอนได้ 100%

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ข่าวสด


สศค.ทำแผนร่วมทุนโครงการทวายอิตัลไทยผวารัฐแย่งเค้ก-พม่ายื้อเซ็นสัมปทาน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปพม่าเพื่อพบและหารือกับเจ้าหน้าที่ของพม่าที่รับผิดชอบเรื่องการลงทุนในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการหารูปแบบการลงทุน และประธานอนุกรรมการกฎระเบียบการลงทุนในโครงการทวาย จะเดินทางไปพม่าเพื่อหารือกับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบโครงการทวายของประเทศพม่า ในเร็วๆ นี้

อุตฯให้ใบอนุญาตโรงงานน้ำตาลสกัดม็อบเข้ากรุง
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ธ.ค.2555 จะมีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอุตสากรรม ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะนำเรื่องโรงงานน้ำตาลทรายที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ทั้ง 4 โรง ได้แก่ โรงงานน้ำตาลขอนแก่น จังหวัดเลย โรงงานไทยกาญจนบุรี จังหวัดอุดรธานี โรงงานน้ำตาลมิตรเกษตร จังหวัดอุทัยธานี และโรงงานน้ำตาลรวมเกษตรอุตสาหกรรม (มิตรผล) จังหวัดเลย เข้าพิจารณา คาดว่าจะสามารถให้ใบอนุญาตประกอบการกิจการโรงงาน (รง.4) ให้โรงงานได้ 2 แห่ง คือ โรงงานไทยกาญจนบุรี จังหวัดอุดรธานี และโรงงานน้ำตาลมิตรเกษตร จังหวัดอุทัยธานี

ไล่บี้เก็บภาษีเกรย์มาร์เก็ต
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ดูแลภารกิจจัดเก็บรายได้ เปิดเผยว่า นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ได้เรียกกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และกรมสรรพากร มาหารือถึงแนวทางการเก็บภาษีผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระ (เกรย์มาร์เก็ต) โดยให้กรมสรรพากรเรียกบริษัททั้งหมดมาตรวจสอบว่ามีการเสียภาษีเงินได้แต่ละปีถูกต้องหรือไม่

ชงครม.คืนสิทธ์บริหาร'เอ้กบอร์ด'
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาคืนสิทธิ์การเข้าบริหารจัดการการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ของบริษัทผู้นำเข้าให้แก่คณะกรรมการนโยบายไข่ไก่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) เพื่อแก้ไขปัญหาไข่ไก่ราคาตกต่ำ

สรุปข่าวโลกธุรกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า


โรงงานชักแถวเจ๊ง904ราย ต้นทุนเพิ่มขาใหญ่แย่งตลาดธุรกิจไปไม่รอด
แฉ10 เดือนปี'55 โรงงานปิดกิจการ 904 ราย มูลค่า 2.75 หมื่นล้านบาท เลิกจ้างงาน 28,164 คน หลังเจอพิษน้ำท่วมปลายปี54 และภาระต้นทุนพุ่ง ขืนปรับค่าแรง300 บาททั่วประเทศปีหน้า เอสเอ็มอีเสี่ยงปิดกิจการเพิ่ม ด้านกรอ.นัดสรุปมาตรการเยียวยา 14 ธันวาคมนี้

สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


เงินเฟ้อหลอนรัฐชูกรอบปีหน้า0.5-3%ขึ้นค่าแรงของแพงไม่มาก-ธปท.หวั่นเศรษฐกิจหด
ธปท.ผนึกคลังกำหนดกรอบเงินเฟ้อปีหน้า 0.5-3% เตรียมรับมือเศรษฐกิจหดตัวตามเศรษฐกิจโลก
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 11 ธ.ค. นายกิตติรัตน์ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะเสนอกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานประจำปี 2556 โดยกำหนดไว้ที่ 0.5-3%

สภาอุตฯใหม่ถกวันนี้ส่งสุชาติสู้พยุงศักดิ์
คณะกรรมการส.อ.ท.ชุดใหม่ และกลุ่ม ส.อ.ท.จังหวัด เสนอชื่อ "สุชาติ วิสุวรรณ" นั่งประธานแทนสันติ สู้พยุงศักดิ์
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าในวันที่ 11 ธ.ค. 2555 คณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท.ชุดใหม่ และกลุ่มสภาอุตสาหกรรมจังหวัดต่างๆ จะร่วมกันแสดงจุดยืนในการผลักดันให้มีการประชุมคณะกรรมการส.อ.ท. ในวันที่ 24 ธ.ค. 2555 เพื่อที่จะพิจารณาคัดเลือกประธานส.อ.ท.คนใหม่ แทนนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ที่เพิ่งประกาศลาออกโดยคณะกรรมการจำนวนมากต้องการให้นายสุชาติ วิสุวรรณรองประธานอาวุโส เข้ามาดำรงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. คนต่อไป

แฉกลับปชป.พิรุธข้าว
"พาณิชย์" ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช.เอาผิด "อภิสิทธิ์" พิรุธขายข้าวให้ผู้ส่งออกวิธีพิเศษ 2.7 ล้านตัน ต่ำกว่าตลาด และไม่ส่งออก 9 แสนตัน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังเตรียมข้อมูลจัดส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)หลังจาก ป.ป.ช.ได้ขอข้อมูลเพื่อนำไปตรวจสอบการทุจริตการขายข้าวในรัฐบาลชุดก่อน และได้กล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กับพวกรวม 4 ราย

มอเตอร์เอ็กซ์โป10วันรถคันแรกดันได้8หมื่น
ปิดฉากมอเตอร์เอ็กซ์โป 10 วัน ยอดจองทะลุ 8 หมื่นคันทุบสถิติเหตุอานิสงส์รถคันแรก ห่วงปีหน้าภาพรวมรถวูบ 20%
นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 (มอเตอร์เอ็กซ์โป) กล่าวถึงการจัดงาน 10 วัน ว่า ยอดจองรถยนต์ภายในงานรวมถึงวันสุดท้าย 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสิ้นสุดงานมียอดจองกว่า 8 หมื่นคันจากเดิมตั้งเป้าหมาย 5 หมื่นคันมีผู้เข้าชมงาน 1.61 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 9 หมื่นล้านบาท(รวมอุปกรณ์ตกแต่งและรถจักรยานยนต์) เดิมที่ตั้งเป้า 5.5 หมื่นล้านบาท

แฉพิรุธสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเพียงเดือนเดียวเพิ่มกว่าเท่าตัวชาวสวนชุมนุมจี้พยุงราคาวันนี้
ชาวสวนปาล์มกังขาตัวสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ เพียงเดือนเดียวเพิ่มกว่าเท่าตัว
นายลือชา อุ่นยวง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า พบความไม่โปร่งใสนโยบายนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ โดยตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มเพื่อผลิตรน้ำมันไบโอดีเซล ภายในเดือนเดียวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่เมื่อการสอบถามไปยังกรมการค้าภายในเกี่ยวกับการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศในช่วงนี้ก็ไม่มีใครสามารถตอบได้

สรุปข่าวการเงิน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


ธปท.ไขก๊อก2 ให้ขนเงินออกลงทุนต่างแดน
ธปท.เล็งออกมาตรการผ่อนคลาย ไล่เงินทุนไทยออกไปลงทุนนอกเพิ่มเติมอีกรอบในเร็วๆ นี้
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.กำลังเตรียมออกมาตรการผ่อนคลายการเคลื่อนย้ายเงินทุนให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติมจากเดิมธปท.เคยออกประกาศให้เคลื่อนย้ายเงินทุนได้ง่ายขึ้นเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

ประกันพร้อมคุ้มครองระบบกินรวบงาน3จี
บริษัทประกันพร้อมสนองกสทช.เล็งขายกรมธรรม์ความรับผิดบุคคลภายนอก คุ้มครองลูกค้าใช้บริการ 3จี ให้บริษัทมือถือ
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเสนอขายกรมธรรม์ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมที่ได้รับใบอนุญาต 3จี เพื่อให้ผู้บริโภคได้ความคุ้มครองกรณีเกิดความเสียหายเครือข่ายล่มใช้งานไม่ได้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้กำหนดไว้

คลังเข้มรีดภาษีรถเกรย์มาร์เก็ต
สั่งสรรพากรรีดภาษีรถหรูจากผู้นำเข้าอิสระ
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดคลัง ด้านภารกิจจัดเก็บรายได้ กล่าวว่านายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ได้เรียก3 กรมภาษี ได้แก่ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และกรมสรรพากร หาแนวทางการเก็บภาษี ผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระ (เกรย์มาร์เก็ต) โดยให้กรมสรรพากรเรียกบริษัททั้งหมดมาตรวจสอบว่ามีการเสียภาษีเงินได้แต่ละปีถูกต้องหรือไม่

ไทยเอาจริงลงทุนทวายเสนอตั้งเอสพีวีรัฐถือหุ้น50%ชงเสนอนายกฯภายในสิ้นปีนี้
คลังจับเข่าคุยพม่าลงทุนทวาย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปพม่าเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ของพม่าที่รับผิดชอบเรื่องการลงทุนในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการหารูปแบบการลงทุนและประธานอนุกรรมการกฎระเบียบการลงทุนในโครงการทวาย จะเดินทางไปพม่าเพื่อหารือกับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบโครงการทวายของพม่าก่อนสิ้นปีนี้

สรุปข่าวธุรกิจ-ตลาด หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


ปตท.เล็งยุบ10บริษัทคาดทั้งเครือเหลือ29ใน3กลุ่มเพื่อคล่องตัวพลังงานข้ามชาติ

ปตท.จัดทัพยกขึ้นชั้นบริษัทพลังงานข้ามชาติ ยุบ 10 บริษัทในเครือ เหลือ 29 บริษัทหลักเพิ่มความคล่องตัวรับเปิดเออีซี
คณะกรรมการบริหารบริษัทปตท. ระบุว่า ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างพิจารณาปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจที่จะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)ปี 2558 โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ปตท.เป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติ ซึ่งมีแผนปรับลดขนาดบริษัทในเครือจาก 39 บริษัท ให้เหลือ 29 บริษัท

สวนสนุกคึกขึ้นค่าตั๋วส่งท้ายปีดรีมเวิลด์เพิ่มรับเครื่องเล่นใหม่ซาฟารียิ้มนักเที่ยวฟื้นภาวะปกติ
สวนสนุกคึกส่งท้ายปี "ดรีมเวิลด์" ขึ้นค่าตั๋ว 30 บาทในรอบ 4 ปี รับเครื่องเล่นใหม่ซาฟารีเวิลด์เผยนักเที่ยวพุ่ง 10%
นายอำพล สุทธิเพียร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อะมิวส์เม้นท์ ครีเอชั่น ผู้ประกอบการสวนสนุก "ดรีมเวิลด์" เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นราคาตั๋วรวมเครื่องเล่นทุกชนิดเข้าสวนสนุกดรีมเวิลด์ 30 บาทต่อตั๋ว หรือเพิ่มจาก 430 บาท เป็นราคา 460 บาท ส่วนบัตรค่าเข้าไม่รวมเครื่องเล่นยังจำหน่ายราคาเดิม คือ ผู้ใหญ่150 บาท และเด็กอยู่ที่ 120 บาท

โรสมีเดียเล็งทุ่ม500ล้านลุยทีวีดิจิตอล
โรส มีเดีย กำงบ500 ล้านบาท เตรียมประมูลทีวีดิจิตอลช่องเด็ก มั่นใจเอเยนซีหนุน
นางอรพรรณ มนต์พิชิต บวรวัฒนะ รองประธานสายงานลิขสิทธิ์และกลุ่มโทรทัศน์ บริษัท โรส มีเดียแอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เปิดเผยว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลโทรทัศน์ดิจิตอลภาคพื้นดินของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยเลือกช่องรายการสำหรับเด็ก 1 ช่องเตรียมงบลงทุน 400-500 ล้านบาท

บางกอกแอร์เวย์สมุ่งบินเจาะเออีซี
บางกอกแอร์เวย์สจ่อเปิดเส้นทางเมืองหลวง เมืองรองกลุ่มอาเซียนรับเปิดเออีซี พร้อมอัดงบ 160 ล้านบาท ย้ำ บูติก แอร์ไลน์
น.ส.นันทิกา วรวรรณ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัท การบินกรุงเทพ ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การตลาดในปีหน้า โดยมุ่งขยายเส้นทางการบินไปยังเมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวรองในกลุ่มประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวและการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างกัน

ทาวน์เฮาส์ชิงบ้านเดี่ยว3ล้านหลังต้นทุนพุ่งสร้างแล้วไม่คุ้ม'สัมมากร'ปั้นเทียร่าดิบิน่าลุย
คนชั้นกลางเอื้อมบ้านเดี่ยวไม่ถึง "สัมมากร" เตรียมลุยตลาดทาวน์เฮาส์ต่ำกว่า 3 ล้านบาท หลังต้นทุนพุ่ง
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากรเปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทเตรียมแผนบุกตลาดทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดเป็นครั้งแรก ภายใต้ยี่ห้อใหม่ "เทียร่า ดิบิน่า" เพื่อเจาะตลาดที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ซึ่งเคยเป็นกลุ่มหลักของตลาดบ้านเดี่ยวราคาประมาณ 3 ล้านบาท

แสนสิริท้ารบคอนโด1ล้านหัวหิน-ชะอำ
แสนสิริ เดินหน้ารุกคอนโดมิเนียมหัวหิน-ชะอำ รับแนวโน้มแข่งเดือด-ค่าที่ดินพุ่ง
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทแสนสิริ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในหัวหินและชะอำปีหน้า ราคาที่ดินมีแนวโน้มขยับสูงขึ้นมากกว่าปีนี้ เป็นผลจากบริษัทพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มีโครงการลงทุนทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม รีสอร์ต รวมถึงห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้น หลังชะลอการลงทุนจากวิกฤตการเงินโลกที่ผ่านมา โดยคอนโดมิเนียมจะมีราคาสูงขึ้น และการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น

ซีพีลั่นซื้อผิงอันช่วยเสริมโอกาส
ซีพี แจงซื้อหุ้นผิงอัน บริษัทประกันวินาศภัยอันดับ 2 ของจีน 15.57% เรียบร้อย หวังเสริมโอกาสพัฒนาธุรกิจในอนาคต
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้ส่งหนังสือแถลงการณ์เรื่องการซื้อหุ้นบางส่วนจากบริษัท ผิงอัน อินชัวรันซ์ (PING AN INSURANCE)บริษัทประกันภัยอันดับ 2 ของประเทศจีน ว่า เครือซีพีเชื่อมั่นในบริษัทและทีมงานผู้บริหารที่มีความสามารถสูงภายใต้การนำของนายปีเตอร์ มา ประธานกรรมการ บริษัทผิงอัน อินชัวรันซ์ ซึ่งเครือซีพีหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะแสวงหาโอกาสที่จะเสริมสร้างและพัฒนาธุรกิจที่เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างพันธมิตรในอนาคตต่อไป เนื่องจากบริษัทผิงอันฯ เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการดีมีอนาคต

สรุปข่าวหุ้น-ตลาดทุน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


พีเออีจ่อเทิร์นอะราวด์ระดมทุนฉลุย-รุกพลังงานเต็มสูบเล็งขอตลาดย้ายหมวดซื้อขายหุ้น

PAE ลั่นพร้อมบุกธุรกิจออยล์แอนด์ก๊าซ หลังฐานทุนแกร่ง เล็งย้ายหมวดซื้อขาย นำบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น
นายรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเออี(ประเทศไทย) หรือ PAE เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการระดมทุน ทำให้มีเงินทุนเข้ามาประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งมากเพียงพอที่จะทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้เต็มกำลังมากขึ้น

กองทุนSPFโล่งไฟฟ้าดับเกาะสมุยไม่กระทบเครื่องบินขึ้น-ลงได้ตามปกติ
ไฟฟ้าดับเกาะสมุยไม่กระทบกองทุนอสังหาริมทรัพย์ SPF-CTARAF หวังไม่เกิดซ้ำ ดึงความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว
นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน ในฐานะผู้บริหารกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย(SPF) เปิดเผยว่า เหตุไฟฟ้าดับบนเกาะสมุยในช่วงวันที่ 4-6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสนามบินสมุย เนื่องจากมีไฟฟ้าสำรองทำให้เครื่องบินสามารถขึ้นลงได้ตามปกติ

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


ปิดฉากมอเตอร์เอ็กซโปยอดจองรถทะลุ7หมื่นคัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 หรือมอเตอร์เอ็กซโป 2012 ที่ได้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.-9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มียอดจองรถยนต์รวม 69,482 คัน โดย 5 อันดับแรก ค่ายฮอนด้ามียอดจอง 16,148 คัน โตโยต้า 14,961 คัน นิสสัน 6,809 คัน อีซูซุ 5,587 คัน มิตซูบิชิ 4,692 คัน ส่วนรถหรูค่ายเมอร์เซเดสเบนซ์ 1,306 คัน บีเอ็มดับเบิลยู 1,191 คัน

สวนสนุกขึ้นค่าตั๋วรับไฮซีซั่นดรีมเวิลด์ปรับครั้งแรกรอบ4ปี
นายอำพล สุทธิเพียร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อะมิวส์เม้นท์ ครีเอชั่น จำกัด ผู้ประกอบการสวนสนุกภายใต้ชื่อ "ดรีมเวิลด์" เปิดเผยว่า ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ปรับขึ้นราคาตั๋วรวมเครื่องเล่นทุกชนิดเข้าสวนสนุกดรีมเวิลด์ 30 บาทต่อตั๋ว อยู่ที่ 460 บาท จากเดิมมีราคา 430 บาท เนื่องจากได้เปิดตัวเครื่องเล่นชนิดใหม่ ทอร์นาโด ถือเป็นการปรับขึ้นราคาในรอบ 4-5 ปี มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อลูกค้า เห็นได้จากมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการสูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนบัตรค่าเข้าบริการสวนสนุก ไม่รวมเครื่องเล่น อยู่ในระดับเท่าเดิม ผู้ใหญ่อยู่ที่ 150 บาทต่อคน และเด็กอยู่ที่ 120 บาทต่อคน

ลางร้ายก่อนปรับ300บาท รง.ปิดกิจการ2.7หมื่นล้าน
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนของปี 55 (ม.ค.- ต.ค.) มีโรงงานที่จำหน่ายทะเบียนต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือปิดกิจการ 904 ราย มูลค่า 27,574 ล้านบาท และเลิกจ้างงาน 28,164 คน ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 54 รวมถึงไม่สามารถแข่งขันได้จากต้นทุนที่สูง และถูกผู้ประกอบการที่มีความเข้มแข็งทั้งในและต่างประเทศแย่งตลาดสินค้า เช่น กลุ่มการซ่อมยานยนต์ และมอเตอร์ไซค์, ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์, ออกแบบแม่พิมพ์ผลิตชิ้นส่วน, โรงสีข้าว, เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น

เรียกเกรย์มาร์เกตบี้ภาษีนำเข้ารถมาต่ำขายแพงไม่ผ่านตรวจสอบสมอ.
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ด้านภารกิจจัดเก็บรายได้ เปิดเผยว่า นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ได้เรียก 3 กรมภาษี ทั้งกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และกรมสรรพากร หาแนวทางจัดเก็บภาษีผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระ (เกรย์มาร์เกต) และสั่งให้กรมสรรพากรเรียกบริษัททั้งหมดมาตรวจสอบว่าเสียภาษีเงินได้แต่ละปีถูกต้องหรือไม่ เพราะที่ผ่านมายังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากเกรย์มาร์เกตนำเข้ารถยนต์มาถูก โดยการสำแดงราคาต่ำกว่าเป็นจริง เพื่อให้เสียภาษีน้อย และสามารถขายรถในราคาแพง ส่งผลให้การเก็บภาษีนำเข้าได้น้อยลง เท่ากับว่าบริษัทต้องมีกำไรมาก ดังนั้น ควรจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงด้วย

ยืดเวลาออกใบอนุญาตทัวร์
แหล่งข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ครั้งต่อไป ให้ยืดระยะเวลาการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวให้นานขึ้น แต่ไม่เกิน 7 วัน เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบริษัทนำเที่ยว ลดปัญหาการใช้คนไทยถือหุ้นจดทะเบียนธุรกิจแทนคนต่างด้าว (นอมินี) รวมถึงลดปัญหาบริษัทนำเที่ยวที่เคยมีประวัติไม่ดีแล้วยกเลิกกิจการไป เข้ามาจดทะเบียนใหม่โดยใช้ชื่อกิจการที่แตกต่างจากเดิม

กรุงไทยลีสซิ่งสยายปีกรุกเจาะตลาดเพื่อนบ้าน

นายภิญญาวัฒน์ จันทรกานตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจลีสซิ่งไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และพม่า เนื่องจากตลาดมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ส่วนรูปแบบเข้าไปลงทุนจะเป็นอย่างไรนั้น อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดคาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปีหน้า ขณะเดียวกันจะรุกสินเชื่อเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เพื่อขยายธุรกิจให้ครบวงจรและรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 ส่วนสินเชื่อรถยนต์ขนาดเล็ก เครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,500 ซีซี ปีหน้าจะซบเซา แต่ยอดขายรถยนต์ ขนาดเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี จะเข้ามาทดแทน คาดว่ายอดขายรถยนต์ในปีหน้าจะอยู่ที่ 800,000 คัน ถึง 1 ล้านคัน ต่ำกว่าปี 55 ที่มียอดขาย 1.2 ล้านคัน

ปตท.จัดทัพธุรกิจรับเออีซี
รายงานข่าวจากคณะกรรมการบริหารบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจที่จะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นในอนาคตโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 ซึ่งเป้าหมายปตท.ที่เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติจะต้องก้าวสู่บริษัทพลังงานข้ามชาติทันที เบื้องต้นจะปรับแผนลดขนาดและปรับโครงสร้างองค์กร 39 บริษัทในเครือให้เหลือ 29 บริษัทจากบริษัทในเครือที่มีทั้งสิ้นประมาณ 250 บริษัท

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์มติชน


บอร์ดบสย.มีมติเลิกจ้างเอ็มดี อ้างเหตุมีปัญหาสื่อสาร 'วิบูลย์'จี้ดูพอร์ตลงทุน
เอ็มดี บสย.'วิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์' ถูกหวยก่อนปีใหม่ ถูกบอร์ดลงมติ 7 ต่อ 1 เลิกจ้าง ให้เหตุผลแค่ทำงานร่วมกันไม่ได้ มีปัญหาในการสื่อสารซ้ำรอยดีดีการบินไทย รับสภาพ แนะจับตาพอร์ตลงทุน 6 พันล้าน อาจถูกใช้แบบไร้ประโยชน์

'ศรศักดิ์'ตัวเต็งนั่งอธิบดีการเมืองหนุนคุมเจ้าท่า
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 ธันวาคมนี้ จะเสนอให้ ครม.อนุมัติแต่งตั้งอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) คนใหม่ แทนนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ อธิบดีกรมเจ้าท่าที่เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าอาจจะ เสนอบุคคลภายนอกเข้ามาดำรงตำแหน่ง

ซีพีกู้ธ.จีนซื้อ'ผิงอันประกันภัย'
รายงานข่าวจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยกรณีซีพีซื้อหุ้นบริษัท PING AN INSURANCE จำกัด โดยเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นจำนวนประมาณ 15.57% ในบริษัท PING AN INSURANCE จำกัด มูลค่าประมาณ 9.39 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือเทียบเท่า 2.88 แสนล้านบาทจากกลุ่มธนาคาร HSBC โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก China Development Bank สาขาฮ่องกง ว่า การซื้อขายดังกล่าวยังต้องผ่านขั้นตอนของสำนักงานประกันของรัฐบาลจีน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงต่อไปรายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท Ping An Insurance เป็นบริษัทประกันที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน มีผลประกอบการดี มีอนาคต ซึ่งการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของซีพี จะแสวงหาโอกาสที่จะเสริมสร้างและพัฒนาธุรกิจที่เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต

ดึงเอ้กบอร์ดคุมนำเข้าพันธุ์ไก่ไข่แก้เปิดเสรีจนราคาตก
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้คณะกรรมการนโยบายไข่ไก่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) มีสิทธิเข้าไปบริหารจัดการการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ของบริษัทผู้นำเข้า โดยผู้นำเข้ารายใหม่ที่จะนำเข้าแม่พันธุ์ต้องแจ้งเอ้กบอร์ดให้ได้ว่า จะนำเข้ามาขายให้ใคร อยู่ที่ไหน เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้นำเข้าและลูกค้ารายเก่า และไม่กระทบตลาดที่จะขยายตัว ถ้าผู้นำเข้าสามารถตอบคำถามและสามารถจัดการไม่ทำให้ตลาดมีปัญหา ก็จะอนุญาตนำเข้า ดังนั้นผู้นำเข้าทั้งหมดต้องมาคุยกันว่าตลาดของตนอยู่ตรงไหนเพื่อไม่ให้กระทบกัน

10เดือนยอดปิดโรงงานพุ่ง14ธ.ค.'กรอ.'ถกช่วยค่าแรง300
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2555 (มกราคมตุลาคม) มีโรงงานปิดกิจการ 904 ราย มูลค่า 27,574 ล้านบาท เลิกจ้างงาน 28,164 คน ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีการปิดกิจการ 725 ราย มูลค่า 8,448 ล้านบาท โดยสาเหตุของการปิดในปีนี่ ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 รวมทั้งไม่สามารถแข่งขันได้จากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นจนถูกผู้ประกอบการที่มีความเข้มแข็งทั้งในและต่างประเทศแย่งตลาด โดยกลุ่มที่ปิดตัวมากที่สุดคือ โรงสีข้าว กลุ่มซ่อมยานยนต์ และมอเตอร์ไซค์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ออกแบบแม่พิมพ์ผลิตชิ้นส่วน ขุดลอกดินในโครงการก่อสร้าง เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น โดยจังหวัดที่มีการปิดมากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา


สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


หอยแดงปัดสวะ โบ้ยบริษัทเอกชนซื้อเวลา/กลุ่มกรีนขู่ชงป.ป.ช.เชือด
ปฏิเสธลิ้นพัน "ศันสนีย์" อ้างงงอยู่ หนีความผิดกันวุ่น พูดมาได้แค่ดูแลไม่เคยล้วงลูก ขณะที่อธิบดีกรมกร๊วกไม่รู้ไม่เห็น โบ้ยบริษัทเวย์บียอน 55 รับผิดชอบหน้าตาเฉย "ชัยสิทธิ์" โต้จัดฉาก แค่เรื่องบังเอิญ ย้อนถาม "ทักษิณ" ชั่วร้ายขนาดไหนกันถึงออกทีวีไม่ได้ ระบุคล้ายนักโทษสำนึกผิดก็ควรให้โอกาสแก้ตัว ลิ่วล้อเชียร์กันลั่น ถูกครับนายใช่ครับท่าน ขณะที่ประชาธิปัตย์-กลุ่มกรีนขู่ส่ง ป.ป.ช.-ผู้ตรวจฯ เชือด

ปูหญ้าเบอร์มิวดาหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเสริมดวงนายกฯ
"ปูนิ่ม" เดินตาม "พี่แม้ว" ไม่เว้นแม้แต่หญ้า สั่งปรับสนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้าใช้หญ้า "เบอร์มิวดา" ชนิดเดียวกับโครงการของ บมจ.เอสซี แอสเสท-สนามกอล์ฟอัลไพน์ จนท.ทำเนียบฯ ระบุสวยงาม แต่ไม่ทนทาน ราคาแพงลิ่ว โหรการเมืองชี้ปรับ ฮวงจุ้ยเสริมดวง หลังพระราหูย้ายราศี

รอญาติเหยื่อจี้ฝากขังมาร์คตร.มะเขือเทศคุ้มกันนปช.
ปชป.แฉ 3 ปมยัดข้อหา "มาร์ค-เทือก" กลบเกลื่อนทุจริต-ไม่ให้2 คนทำงานการเมืองได้-หยุดการเมืองตลอดชีวิต ทีมทนายเตือน "ธาริต" ใช้ดุลพินิจเที่ยงธรรมอย่าให้เสื้อแดงมากดดัน ด้านอธิบดีดีเอสไอแพลมไม่ฝากขัง แต่รอดูคำร้องกลุ่มเสื้อแดงก่อน คาดสถานการณ์ตึงเครียดอาจปะทะกันได้ นปช.จัดแรลลี่โค่นอำมาตย์ คึกคักชูป้าย "เรารักพระบรม" ตำรวจมะเขือเทศคอยดูแล รปภ.ตลอดเส้นทาง

พรรคร่วมหนุนรื้อรธน.โพล90%มึน

"ยิ่งลักษณ์" ไม่แคร์ส่ง "ปึ้งศักดิ์" วางพานพุ่มวันรัฐธรรมนูญ "พรรคร่วมรัฐบาล" แถลงเจตนารมณ์เอาแน่รื้อรัฐ ธรรมนูญปี 2550 อ้างต้องมาจากประชาชนตั้งแต่ยกร่างถึงเห็นชอบ "ภูมิใจห้อย" นัดถกท่าที 23-24 ธ.ค. "วุฒิสาร" เตือนคิดให้หนักในภาวะสังคมไม่ไว้วางใจกัน "โพล" เผยกว่า 90% รู้ว่าแก้ รธน.แต่ไม่รู้รายละเอียด!

ชี้คุ้ยประกันข้าวกลบจีทูจีปชป.ซัด'เต้น'พันโกงยาง
ข้าชั่ว เอ็งเลว! ประชาธิปัตย์ จวกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขุดคุ้ยระบายข้าวยุคมาร์คไม่โปรงใส หวังกลบเกลื่อนโกงขายข้าวจีทูจี "พาณิชย์" อ้าง ป.ป.ช.สอบแล้ว พบมีมูลความผิดหลายประการ

สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ดึง6นักวิชาการถกกฎหมายสอท. บี้'พยุงศักดิ์'พ้นตำแหน่งพร้อมหาประธานคนใหม่
ศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ยังวุ่น "ธนิต โสรัตน์" 11 ธ.ค.นี้ เชิญ 6 นักวิชาการด้านกฎหมาย ชำแหละ พ.ร.บ. บีบ "พยุงศักดิ์" ยอมรับพ้นเก้าอี้ พร้อมขู่การทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมาย เพราะถูกปลดออกจากประธานแล้ว

คาดอุตฯสิ่งพิมพ์เติบโต18%อานิสงส์คริสต์มาส-ปีใหม่
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์สินค้าอุตสาหกรรมกลุ่มสิ่งพิมพ์ กระดาษและบรรจุภัณฑ์ว่า การส่งออกในช่วงเดือน ต.ค.2555 มีอัตราขยายตัว 18% คิดเป็นมูลค่า 146 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ปี 2555 ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 8% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,389 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 41,670 ล้านบาท เนื่องจากมีการส่งออกปฏิทินไดอารี การ์ดอวยพร รองรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่จำนวนเพิ่มขึ้นมาก คาดว่าปี 2556 จะเติบโตต่อเนื่อง

ไฮโดรเท็คบุกลงทุนพม่า-อินโดฯ
ไฮโดรเท็ครุกต่างประเทศ เตรียมขยายลงทุนผลิตน้ำประปา ระบบบำบัดน้ำเสียประเทศอินโดนีเซีย ผนึก UAC กรุยพม่า

ชี้ประกันแข่งเดือดกสิกรตั้งเป้าแชมป์แบงก์แอสชัวรันส์
"ปกรณ์" คาดเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ 5% ชี้ประกันชีวิตโค้งสุดท้ายแข่งดุตั้งเป้าแชมป์แบงก์แอสชัวรันส์

พาณิชย์เร่งตรวจสอบนอมินีต่างด้าว
รมช.พาณิชย์เร่งจัดทำแนวทางตรวจสอบคนต่างด้าวทำธุรกิจในไทย ทั้งก่อนและหลังการจดทะเบียน ป้องกันตั้งนอมินีคนไทยถือหุ้นแทน เข้ามาทำธุรกิจแข่ง พร้อมดึงดีเอสไอร่วมสอบ

หนุนตั้ง'เอสพีวี'ระดมเงินลงทุนทวาย
คลังติดเครื่องลุยโครงการลงทุนแสนล้าน "ทวาย" ลัดฟ้าถกพม่าหาแนวทางดำเนินการสุดฤทธิ์ แย้มเตรียมตั้งบริษัทเอสพีวี เป็นตัวเชื่อมลงทุนมั่นใจสิ้นปีส่งการบ้าน "ปู" เดินหน้าถก "เต็งเส่ง" ได้แน่นอน

โรสมีเดียสยายปีกเคเบิลบุกแพลตฟอร์มออนไลน์
โรส มีเดีย แย้มแผนปีหน้าเล็งรุกหนักขยายแพลตฟอร์มออนไลน์ โมบายแอพพลิเคชั่น ควบเพิ่มช่องรายการในเคเบิลทีวี ควบลุยประมูลทีวีดิจิตอลเปิดช่องรายการเด็ก เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ

คลังไล่บี้เกรย์มาร์เก็ต ส่งสรรพากรลุยเช็กบิลสอบภาษี
คลังสั่งสรรพากรลุยไฟรีดภาษีตลาดเกรย์ มาร์เก็ต หลังพบปัญหาสำแดงราคาต่ำเกินจริง แถมผู้ประกอบการหัวใสตั้งบริษัทเชิดสร้างรายจ่ายเป็นเท็จ หวังเสียภาษีน้อย

'ยานยนต์'คึกคักแฮปปี้เอ็มพีฯโหมขายน้ำมันหล่อลื่น

แฮปปี้ เอ็ม พี เอ็ม สบช่องโครงการรถคันแรกประกาศลุยตลาดน้ำมันหล่อลื่นรับจำนวนรถที่เพิ่มขึ้น หลังรายได้จากธุรกิจขายตรงในกลุ่มอาหารเสริม เครื่องสำอางสินค้าเกษตรวูบ

มอเตอร์เอ็กซ์โปกระหึ่มยอดจองรถพุ่ง8หมื่นคัน
อานิสงส์รถคันแรกดันงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29" คึกยอดจองทะลุ 80,000 คัน ด้านสหการประมูลโอด ราคาประมูลรถมือสองตก