วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Bid-Offer-Volume กลเกมส์ของรายใหญ่



ช่วงนี้ มีลูกค้าและสมาชิก ถามกันเข้ามามาก เรื่องการดู bid ดู offer ก่อนที่จะตัดสินใจเคาะซื้อขวา หรือ เคาะขายซ้าย

ความจริง เคยลงบทความเรื่องนี้ไว้แล้วครั้งนึง เมื่อวันที่ 21 กค. 07 แต่ใช้ชื่อบทความว่า การซ่อนออร์เดอร์ ...... วันนี้ ตั้งชื่อใหม่ก็ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับเรื่องที่ท่านถามกันเข้ามามาก และเพื่อให้สะดวกในการค้นหา

อ่ะ ขี้เกียจเขียน copy ของเก่า มาให้ดูเลยคร๊าบ

โลกยุคอินเตอร์เน็ต ทำให้ทุกวันนี้ ทุกท่านมีข้อมูลการลงทุน ทั้งทางด้านปัจจัยพื้นฐาน และ ทางด้านการวิเคราะห์กราฟ เกือบจะเสมอภาคเท่าเทียมกัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือ รายใหญ่ จึงต้องใช้จิตวิทยามวลชน เข้ามากดดัน ให้รายย่อยพลาดพลั้ง ทำการซื้อหรือขาย ตามที่เขาต้องการ ด้วยวิธีการต่างๆนานา

ด้วยเหตุนี้ กลยุทธ์ในการรับมือกับรายใหญ่ จึงเป็นสิ่งที่จะแยกรายย่อยผู้ชนะ ให้โดดเด่นขึ้นมา ท่ามกลางมวลชน

ซื้อแล้วลง ขายแล้วขึ้น เป็นเรื่องปกติที่ผิดพลาดกันได้ครับ แต่ความผิดพลาดนั้น สามารถทำให้ลดน้อยลงไปได้ ด้วยความช่างสังเกต และรู้จักการซื้อตามเมื่อหุ้นนั้นผ่านแนวต้านไปได้ด้วย volume outperform แน่นอนล่ะ บางทีก็ต้องซื้อที่ราคาแพงกว่าที่ขายไป ….. ก็มันผ่านแนวต้านมาได้ อย่างมั่นคงแล้วนี่ครับ กว่าจะไปชนแนวต้านถัดไปก็อีกยาวไกล

ในการจะกวาดซื้อหุ้นมันต้องใช้เงิน ถ้าตลอดทางของการไล่ซื้อหุ้นขึ้นไป รายใหญ่โดนพวก net settlement พวกตีหัวเข้าบ้าน พวกจับเสือมือเปล่า หรือ พวกที่มีต้นทุนต่ำ ขายใส่ตลอดทาง มันจะทำให้เงินหมดซะก่อน อย่างนี้ จึงต้องไล่แขกออกไปให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค ในการวิ่ง

การไล่แขก และ การตั้งซ่อนออร์เดอร์ เพื่อหลอกซื้อของจากแขก มักจะใช้ในช่วงที่ราคาอยู่ที่แนวรับ จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่พอดี ซึ่งตรงจุดนี้ ผู้ที่มีต้นทุนต่ำ มักจะยอมขายทิ้งลงมา ก่อนที่ราคาจะหลุดแนวรับลงไป หรือไม่ก็มักจะใช้ในช่วงที่ราคาหุ้นอยู่ที่แนวต้านพอดี ให้เราลุ้นเล่นว่าจะ breakout ผ่านขึ้นไปได้หรือไม่ พอเราเห็นว่า มันคงไปไม่ไหวแล้ว เราก็จะขายลงมา ให้เขาที่จ่อๆ รอซื้ออยู่แล้ว จากนั้นไม่นาน เขาก็จะลากผ่านแนวต้านขึ้นไป อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ใครกล้าตาม

แหม ชักแม่น้ำทั้งห้า ฮวงโห แยงซี มิซซิปซิปปี้ เจ้าพระยา และ แม่น้ำไนล์ตั้งนาน กว่าจะเข้าเรื่องได้ …… ไปเลยแล้วกัน การเล่นจิตวิทยามวลชน ด้วยวิธี Partial Publish ซึ่งใช้กันแพร่หลายทั้งในหุ้น Large Cap. & หุ้น Small Cap.

หากรายใหญ่ต้องการให้มวลชนขายลงมา เขาก็จะขนหุ้นมาวางขายที่ฝั่ง offer หนาๆ แล้วตั้ง bid น้อยๆให้เราหวาดเสียวเล่น หรือไม่ก็ใช้ กลวิธี “ทุบให้อ๊วก” ตามแต่ความซาดิสต์ที่มีในจิตใจ หารู้ไม่ ว่านั่นบาปกรรม

แต่เมื่อราคาไหลหรือดิ่งลงไป ณ ใกล้แนวรับแล้ว และในหลายกรณี เลือกที่จะเล่นสงครามจิตวิทยากันที่แนวต้านซะด้วย เพื่อให้คนถอดใจ ขายของลงมา …………. โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 20 ก.ค. เห็นหลายตัวเลย ที่เล่นกันที่แนวต้าน …… รายใหญ่เหล่านั้นก็จะสั่งตั้งซื้อแบบซ่อนออร์เดอร์ ที่ฝั่ง bid ด้วยการตั้งซื้อหุ้นจำนวนมาก แต่ใช้คำสั่ง partial publish ทีละน้อยๆ เช่น สั่ง bid ซื้อหุ้นช่องละ 1 ล้านหุ้น แต่ให้เห็นทีละ 40,000 หุ้น

แหม พอเราเห็นฝั่ง offer หนาๆ ขนาดหลายล้านหุ้นขวางอยู่ ขณะที่ bid เหลือแค่ 40,000 หุ้น เราก็รีบขายซิครับ ก่อนที่ราคานั้นจะมีคนชิงขายลงมาก่อน แต่มันก็น่าแปลก พอเราขายลงมา 40,000 หุ้น มันก็โผล่ขึ้นมาอัตโนมัติที่ฝั่ง bid อีก 40,000 หุ้น พอเราขายอีก 40,000 หุ้น มันก็โผล่เข้ามาอีก 40,000 หุ้น พอเราขายอีก 80,000 หุ้น มันก็โผล่เข้ามาอีก 40,000 หุ้น 2 ครั้ง ติดกัน พอเราหยุดขาย มันก็ยังคงรอเราที่ฝั่ง bid อีก 40,000 หุ้น แบบไม่สะทกสะท้านแรงขาย

คำถามคือ หากเป็นท่านเอง ท่านต้องการจะขายหุ้น 2-3 ล้านหุ้น ท่านจะเอามาวางโชว์ที่ฝั่ง offer ไหมครับ ถ้าท่านแสดงให้คนอื่นเห็นว่าท่านอยากขาย 2-3 ล้านหุ้น แล้วใครจะไปเคาะซื้อล่ะครับ

และ ใครกันหนอ จะรับซื้อที่ฝั่ง bid ได้ไม่อั้นขนาดนั้น ใครขายมาเท่าไหร่ รับซื้อหมดเลย แสดงว่า คนที่รับซื้อไม่อั้นคนนั้น เขาต้องมั่นใจสูงเลย ใช่ไหมครับว่าราคาจะวิ่งแน่ เพราะถ้าเป็นคนปกติ เขาไม่ซื้อหรอก ถ้าแรงขายยังขายทิ้งลงมาเรื่อยๆแบบนี้ …… สรุป คนนั้นผิดปกติ หรือไม่ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้กำหนดราคา

ถ้าท่านเห็นแบบนี้ ต้องหยุดขาย หรือ หาจังหวะซื้อคืนแล้วนะครับ พลาดแล้วล่ะ เขากำลังตั้งโต๊ะซื้อของอยู่ และเมื่อไม่มีใครขายลงมาให้แล้ว อีกไม่นาน เขาจะกวาดรวบขึ้นไป อย่างรวดเร็ว……. ต้องซื้อคืนแล้วครับ ยิ่งผ่านแนวต้านไปได้ ยิ่งต้องซื้อตามเลย เพราะมันกำลังจะวิ่งไป ที่แนวต้านถัดไปอย่างรวดเร็ว

พอวิธีนี้ เริ่มมีคนสังเกตเห็น รายใหญ่เลยพัฒนาวิธีใหม่ ด้วยการ ย้าย partial publish มาที่ฝั่ง offer ซะงั้น พร้อมๆกับ ทยอยตั้งรับ ที่ฝั่ง bid ด้วย จากนั้น ก็เคาะซื้อของตัวเองไปเรื่อยๆ ที่ฝั่ง offer เพื่อให้ใครๆเห็นว่า นี่เป็น partial publish นะ มีออร์เดอร์ซ่อนขายที่ฝั่ง offer นะ น่ากลัวนะ กลัวอ่ะปล่าว

พอเขาเคาะซื้อที่เขาตั้ง offer ไว้เองที่อีกโบรกเกอร์หนึ่ง จำนวน 100,000 หุ้น โห partial publish ไหลมาให้เห็น 20 รายการๆละ 5,000 หุ้น เลยแหะ อีกสักพัก เขาก็เคาะซื้ออีก 200,000 หุ้น partial publish ก็จะโชว์ให้เห็นมา 40 รายการๆละ 5,000 หุ้น …….. เหมือนๆจะขู่เราว่า ว่าไง ว่าไง กลัวไหม มีออร์เดอร์ซ่อนขายอยู่นะ

พอเราเห็นว่า เคาะซื้อฝั่ง offer เท่าไหร่ก็ไม่หมดซะที แถมซ่อนออร์เดอร์ ซะด้วย ด้วยความรู้เท่าทัน เราก็จะขายโครมลงมาที่ฝั่ง bid แป่ววววว ……. แหะๆๆ เสร็จเขาเลยล่ะครับ เขาได้ของไปแล้ว ………. พอฝั่ง bid จะหมด เขาก็เติม bid อีก ขายมาเท่าไหร่ ฝั่ง bid ก็ไม่หมดซะที ไอ้ที่เราขายไปแล้ว นั่งรอทั้งวัน ยังไม่ได้ซื้อคืนเลย

คำถามคือ หากเป็นท่านเอง ท่านต้องการจะซื้อหุ้นจำนวนมาก ท่านเห็นว่า ฝั่ง offer หนาขนาดนั้น เคาะไม่ผ่านสักที ท่านจำเป็นจะต้องรีบตั้ง bid จ่อซื้อประชิดตัวซะขนาดนี้ไหมครับ ทำไมฝั่ง offer ไม่ผ่าน แต่ฝั่ง bid ก็ไม่หลุดล่ะ ถ้าไม่มีคนตั้งโต๊ะรอซื้อไม่อั้นที่ฝั่ง bid?

ถ้าเราหมั่นสังเกต จนตามกลิ่นเงินเจอ การเกาะเงินของเขาขึ้นไป ขอส่วนแบ่งกำไรด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ….. รถเมลล์ที่กำลังจะออกจากอู่ ไม่ค่อยจะมีที่นั่งว่างให้เราครับ เราต้องยืน เครื่องร้อนแล้ว รถกำลังจะวิ่งแล้ว ส่วนรถเมลล์อีกหลายคันที่อู่ ที่มีที่นั่งเพียบเลย แต่ไม่ยักกะไปซะที ก่อนโชเฟอร์จะลงจากรถ ยังบอกเราซะด้วยว่า คิวของผม อีก 6 ชั่วโมงครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปนอนก่อนนะ

ถ้าให้เลือก ท่านจะเลือกอะไรครับ ระหว่างทำธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือ กับ ขายวิทยุติดตามตัว …… ตามกลิ่นเงินเจอ แพงแค่ไหนก็ขายได้ครับ

Source: ThaiDayTrade date 23/03/2008