วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

BEC (บมจ. บีอีซี เวิลด์) ปรับประมาณการและคำแนะนำ

ประเด็นการลงทุน : อัตราการใช้เวลาโฆษณาที่หนาแน่นและการปรับขึ้นค่าโฆษณาจะทำให้ผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่องใน 3Q55 และ เติบโตดียิ่งขึ้นใน 4Q55 ซึ่งเป็นไฮซีซั่น เรามีการปรับประมาณการขึ้นสะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณาที่สูงกว่าคาดและ Rollover ราคาเป้าหมายไปเป็นปี 2556 ที่ 64 บาท ผลกระทบจากกรณีคุณสรยุทธอาจไม่แย่อย่างที่คาด ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนใน BEC ที่มีฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ROE 59% และ อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4% เราจึงปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ

คาดกำไร 3Q55 เติบโต 14% YoY: คาดกำไรลดลง 10% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่เติบโต 14% YoY เป็น 1,123 ล้านบาท รายได้โฆษณาเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าโฆษณาหลายช่วงเวลา ได้แก่ 1) รายการนอกไพร์มไทม์บางรายการปรับ 5-7% ตั้งแต่ต้นปี 2) ข่าว 3 มิติ และ ภาพยนตร์เกาหลี ปรับ 14% ตั้งแต่เดือน มี.ค. 3) เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ปรับ 12% ตั้งแต่เดือน ก.ค. และ 4) ละครช่วงเย็น (18.00-18.30 น.) ปรับ 10% ตั้งแต่เดือน ก.ย. ขณะที่อัตราการใช้เวลาโฆษณายังคงหนาแน่น 

ปรับประมาณการสะท้อนแนวโน้มเติบโต: คาดกำไร 4Q55 เติบโตโดดเด่น YoY จากฐานต่ำในปีก่อนจากผลกระทบน้ำท่วม อีกทั้งได้รับผลบวกจากไฮซีซั่นและความต้องการซื้อโฆษณาที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ช่อง 7 มีการปรับขึ้นค่าโฆษณาเกือบทั้งผังรายการ ตั้งแต่เดือน ต.ค. โดยรายการช่วงไพร์มไทม์ ปรับขึ้นเฉลี่ย 5% และ รายการนอกไพร์มไทม์ 7% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการโฆษณาที่หนาแน่น การเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณาที่สูงกว่าคาดทำให้เราปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้า 3% และ 5% ตามลำดับ โดยยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการหากช่อง 3 ปรับค่าโฆษณาเช่นเดียวกับช่อง 7

ผลกระทบจากกรณีคุณสรยุทธอาจไม่แย่อย่างที่คาด : รายการที่ดำเนินรายการโดยคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา คือ เรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเด่นเย็นนี้ และ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ มีเวลาออกอากาศรวม 26 ชั่วโมง 45 นาทีต่อสัปดาห์ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 16% ของรายได้รวม BEC เราคาดว่าหากบริษัทเอกชนรายใหญ่ 4 รายยกเลิกการซื้อเวลาโฆษณาในรายการดังกล่าวส่งผลกระทบจำกัดต่อรายได้ของ BEC โดยคาดว่าจะมีลูกค้ารายอื่นซื้อโฆษณาแทน เนื่องจากรายการได้รับความนิยมสูง แต่หากคุณสรยุทธ ไม่ได้ดำเนินรายการอีกต่อไป เราทำ Sensitivity (ในตารางหน้า 2) ให้อัตราการใช้เวลาโฆษณาของทั้ง 3 รายการลดลงจาก 100% เป็น 50-90% โดยในกรณีเลวร้ายที่สุด ภายใต้สมมติฐานอัตราการใช้เวลาโฆษณาลดลงเหลือ 50% ในปี 2556 คาดส่งผลกระทบต่อกำไรของ BEC 10% ลดลงเป็น 4,683 ล้านบาทในปี 2556 (ยังเติบโต 1% YoY) และ ทำให้ราคาเป้าหมายอิง DCF ลดลงเป็น 57 บาท จากสมมติฐานอัตราการใช้เวลาโฆษณารายการดังกล่าวที่ 50% ในปี 2556 โดยเพิ่มเป็น 60% ในปี 2557 และ 70% ในปี 2558

ปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ  : เราเชื่อว่าราคาหุ้นตอบรับข่าวคุณสรุยทธในเชิงลบมากเกินไปโดยลดลง 7% ในสัปดาห์ก่อน ขณะที่ BEC ยังคงมีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วย High operating leverage มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอในอัตรา 4% และ ROE สูงถึง 59% นอกจากนั้น การปรับประมาณการและ Rollover ราคาเป้าหมายเป็นปี 2556 ทำให้ราคาเป้าหมาย ปรับเพิ่มจาก 53 บาท เป็น 64 บาท เราปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ


INFO: http://www.maybank-ke.co.th